บอกลาหางตาตก ยกระดับความสวย ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เนียนเป็นธรรมชาติ
ยกหางตา แก้หางตาตก เสริมเสน่ห์ให้ดวงตาเทคนิคซ่อนแผล ด้วยโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)

“หางตาตก” ปัญหากวนใจที่ทำให้ดวงตาดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส และอาจทำให้ใบหน้าดูมีอายุเกินจริง แม้ว่าในปัจจุบันจะมีเทคนิคอย่างการแต่งหน้าหรือการใช้สติ๊กเกอร์ช่วยยกหางตา แต่ก็เป็นเพียงการแก้ไขชั่วคราวเท่านั้น หากคุณกำลังมองหาวิธีที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานและเป็นธรรมชาติ โปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting) คือตัวเลือกที่ช่วยแก้ ปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด คืนความกระชับให้ดวงตาดูสดใส และช่วยเสริมเสน่ห์ให้ใบหน้าของคุณดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกด้วยค่ะ
หางตาตกคืออะไร
หางตาตก คือผิวหนังบริเวณหางตาหย่อนคล้อยลงอยู่ ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของคอลลาเจนและความยืดหยุ่นที่เสื่อมสภาพตามวัย ส่งผลให้ดวงตาดูเศร้า เหนื่อยล้า หรือแก่กว่าวัย นอกจากนี้ ชั้นตาบริเวณหางตาอาจไม่ชัดเจน ทำให้ดวงตาดูหมองคล้ำได้ ถึงแม้ว่าหางตาตกจะพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็ก วัยรุ่น หรือวัยผู้ใหญ่ โดยอาจเกิดจากพันธุกรรม กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ไขมันสะสมใต้ตา หรือพฤติกรรมที่ส่งผลต่อความหย่อนคล้อยของผิว
ผลกระทบของหางตาตก อาจส่งผลต่อบุคลิกภาพ เนื่องจากทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยและไม่สดใส อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้โดยไม่จำเป็นต้องทำตาสองชั้น ด้วยเทคนิค Subbrow Lifting ซึ่งช่วยยกกระชับหางตาให้กลับมาดูสดใส อ่อนเยาว์ และดูเป็นธรรมชาติขึ้น
เทคนิคการรักษาโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)
สำหรับการรักษายกหางตา สามารถทำการรักษาได้หลากหลายวิธี เช่น เทคนิคการเย็บกระชับกล้ามเนื้อ, การฉีดโบท๊อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือแม้กระทั้งการทำทรีทเมนต์ เลเซอร์ต่างๆ แต่สำหรับที่ Rassapoom Clinic แล้วนั้นการที่จำแก้ปัญหาหางตาตก ได้ตรงจุด และแม่นยำนั้นคือโปรแกรมยกหางตา ด้วยเทคนิค Subbrow Lifting นั้นคือ เทคนิคการผ่าตัดใต้แนวคิ้ว นั้นเอง ซึ่งเป็นหัตถการที่ช่วยยกกระชับหางตา และหนังตาที่มีการหย่อนคล้อย เพื่อปรับตำแหน่งของผิวหนังให้กระชับ โดยมีขั้นตอนการรักษาดังนี้:
- เข้ารับการปรึกษากับศัยแพทย์ ที่ Rassapoom Clinic
- ศัลยแพทย์ออกแบบการรักษาให้ตรงตามความต้องการ และปัญหาของคนไข้
- เข้ารับการรักษาโดย ศัลยแพทย์ทำการมาร์คจุดบริเวณใต้หางคิ้ว ขนาดเท่าที่ต้องการยกหางตา หรือแล้วแต่เคสที่เข้ารับการรักษา
- หลังจากนั้นทำการฉีดยาชาเฉพาะจุด
- ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัด โดยตัดเก็บหนังตาส่วนเกินออก ในบริเวณใต้คิ้วเพื่อช่วยยกหางตาขึ้น
- ศัลยแพทย์ทำการเย็บแผลบริเวณใต้คิ้ว ทำให้ตางตายกขึ้น และกระชับขึ้น
สาเหตุของการเกิดหางตาตก
“หางตาตก” เป็นภาวะที่มุมหางตาต่ำกว่าหรืออยู่ระดับเดียวกับหัวตา ทำให้ดวงตาดูเศร้า เหนื่อยล้า หรือแก่กว่าวัย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ พันธุกรรม การเสื่อมสภาพของผิว กล้ามเนื้อรอบดวงตา หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต
พันธุกรรม
ลักษณะทางกายภาพของดวงตาแต่ละคนมีความแตกต่างกันตามพันธุกรรม บางคนมีโครงสร้างตาที่หางตาตกโดยธรรมชาติ ซึ่งอาจเกิดจาก รูปตาแบบ Downturned Eyes หรือ Droopy Eyes ที่มีหางตาต่ำกว่าหัวตา คนที่มีหางตาตกจากพันธุกรรมมักจะเป็นลักษณะถาวร ไม่ได้เกิดจากความเสื่อมของผิวหนังตามอายุ
อายุที่มากขึ้น และการเสื่อมสภาพของผิวหนัง
เมื่อมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาจะเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น หรือคอลลาเจนทำให้เกิดปัญหาหางตาตกมากขึ้น ซึ่งเกิดจากคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ทำให้ผิวขาดความกระชับ หนังตาจึงเริ่มตก หรือแม้กระทั้งแรงโน้มถ่วงของโลก ที่มีผลต่อการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อและผิวหนังนั้นเอง เมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้นชั้นไขมันใต้ผิวหนังก็ยิ่งบางลง ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณหางตาไม่มีการรองรับ ทำให้ดูหย่อนลงและทำให้หนังตาตก โดยทั่วไปแล้วหางตาจะเริ่มตกอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป และจะยิ่งเด่นชัดเมื่อเข้าสู่วัย 40-50 ปี
กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง (Ptosis หรือ Droopy Eyelid)
กล้ามเนื้อที่มีไว้สำหรับการควบคุมการเปิด-ปิดตา มีความสำคัญต่อรูปทรงของดวงตา ถ้ากล้ามเนื้อมีการอ่อนแรงจะทำให้ หนังตาบนตกลงมา และอาจส่งผลให้หางตาดูตกไปด้วย ซึ่งมีสาเหตุได้อาจเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อ levator palpebrae superioris ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ช่วยยกเปลือกตาบน หรืออาจเกิดจาก ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด (Congenital Ptosis) รวมไปถึงเกิดจากอายุที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน (Acquired Ptosis) แต่ในบางกรณีอาจเกิดจาก โรคทางระบบประสาท เช่น Myasthenia Gravis ที่ส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อตาได้
ไขมันสะสมใต้ตา
เมื่ออายุมากขึ้น โครงสร้างของใบหน้าก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน เช่น การสะสมไขมัน ซึ่งส่งผลต่อรูปทรงของดวงตาโดยตรง กรณีไขมันสะสมมากเกินไป ทำให้ผิวรอบดวงตาดูหนัก และดึงหางตาให้ตกลงมาและไขมันใต้ตาลดลง ส่งผลให้เบ้าตาลึกมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้หางตาดูตกกว่าเดิม
พฤติกรรมการใช้สายตา และการดูแลผิวรอบดวงตา
ส่วนใหญ่แล้วทุกคนอาจละเลยกับการดูแลรอบดวงตา และที่สำคัญพฤติกรรมบางอย่างอาจส่งผลให้หางตาตกเร็วขึ้น แม้จะยังอายุน้อย เช่น การใช้สายตาเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการจ้องจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลาหลายชั่วโมง การขยี้ตาบ่อยๆ ทำให้ผิวรอบดวงตาถูกทำลายและเกิดความหย่อนคล้อย
แม้กระทั้งการนอนดึก และความเครียด ส่งผลต่อการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวรอบดวงตาเสื่อมเร็วขึ้นเช่นกัน
ข้อดีของการรักษาหางตาตกด้วย โปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)

สำหรับการแก้ไขปัญหาหางตาตกด้วย โปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting) มีข้อดีดังนี้:
- ช่วยแก้ปัญหาตาตกได้ตรงจุด
- โปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting) แผลเล็ก ซ่อนแผลได้ในบริเวณขอบคิ้วทำให้มองไม่เห็น
- ช่วยทำให้ดวงตาดูสดใส และอ่อนเยาว์ขึ้น
- ใช้เวลาพักฟื้นน้อยมาก
- ผลลัพธ์อยู่ได้ในระยะยาว
- ช่วยแก้ไข และกำจัดอผิวหนังส่วนเกินบริเวณหางตาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- ช่วยยกหางตา และทำให้ชั้นตาชัดขึ้นด้วยเช่นกัน
ใครเหมาะสำหรับโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)
ผู้ที่เหมาะสำหรับการรักษาหางตาตกด้วยโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting) มีดังนี้:
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหนังตาตกจากพันธุกรรม
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนังตาหย่อนคล้อย แต่ไม่ต้องการทำตาสองชั้น
- เหมาะสำหรับผู้ที่เคยทำการรักษาตามสองชั้น แต่ยังไม่ได้ทำการยกหางตา
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง
- เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดใหญ่
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ยาวนาน และไม่ต้องการฉีดโบท๊อกซ์ และฟิลเลอร์
การเตรียมตัวก่อนโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)
ก่อนเข้ารับการรักษาโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting) มีข้อปฏิบัติดังนี้:
- ปรึกษาศัลยแพทย์ เพื่อประเมินปัญหาหางตาตกและออกแบบการรักษา
- งดทานยาและอาหารเสริมบางชนิด เช่นยาแอสไพริน, วิตามิน E, น้ำมันปลา และสมุนไพรที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ก่อนทำการรักษาหางตาตกด้วยโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำการรักษาหางตาตกด้วยโปรแกรมยกหางตา
(Subbrow Lifting) เพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น - พักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนทำการรักษาหางตาตกด้วยโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)
- งดแต่งหน้าและครีมบำรุงรอบดวงตา รวมไปถึงการใส่คอนแทคเลนส์ ในวันเข้ารับการรักษาหางตาตกด้วยโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)
ข้อปฏิบัติหลังทำการรักษาโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)
ข้อปฏิบัติหลังทำการรักษาโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting) มีดังนี้:
- แนะให้ประคบเย็น ใช้เจลประคบบริเวณรอบดวงตา 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดบวมและช้ำ หลังทำการรักษาโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)
- งดแตะต้องแผล หรือแคะ แกะ เกา หลีกเลี่ยงการขยี้หรือกดทับบริเวณที่ผ่าตัด หลังทำการรักษาโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)
- แนะนำให้ นอนศีรษะสูง โดยการนอนยกหัวให้สูงกว่าระดับหัวใจเพื่อลดอาการบวม
- งดแต่งหน้าบริเวณรอบดวงตา อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ หลังทำการรักษาโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting) เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ ควรหลีกเลี่ยงการล้างหน้าหรือให้แผลโดนน้ำโดยตรงในช่วง 48 ชั่วโมงแรก หลังทำการรักษาโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)
- งดออกกำลังกายหนัก หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดมาก เช่น ยกของหนัก หรือคาร์ดิโอ อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังทำการรักษาโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ – อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อลดโอกาสเกิดแผลเป็นและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น หลังทำการรักษาโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง เช่น ยาลดบวม ยาฆ่าเชื้อ และยาแก้ปวด เพื่อป้องกันการอักเสบ
- เข้ารับการตัดไหมตามนัด ปกติจะนัดตัดไหมในช่วง 5-7 วันหลังหลังทำการรักษาโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)
Q&A ที่เจอบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting)
- โปรแกรมยกหางตา Subbrow Lifting คืออะไร?
เป็นการผ่าตัดยกกระชับหางตาโดยตัดผิวหนังส่วนเกินบริเวณ โดยทำการผ่าตัดใต้แนวคิ้ว ช่วยให้ดวงตาดูสดใสขึ้นโดยไม่ต้องทำตาสองชั้น และแผลเล็ก พักฟื้นน้อย
2. โปรแกรมยกหางตา Subbrow Lifting เจ็บไหม?
ใช้ยาชาเฉพาะที่ ระหว่างทำจะไม่รู้สึกเจ็บ อาจรู้สึกตึงเล็กน้อยหลังทำ แต่สามารถบรรเทาด้วยยาแก้ปวด
3. โปรแกรมยกหางตา Subbrow Lifting ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน?
อาการบวมมักลดลงภายใน 5-7 วัน และสามารถใช้ชีวิตปกติได้หลังตัดไหม (ประมาณ 1 สัปดาห์)
4. โปรแกรมยกหางตา Subbrow Lifting มีรอยแผลเป็นหรือไม่?
การรักษาโปรแกรมหางตาตกเทคนิคนี้ แผลจะอยู่ใต้แนวคิ้ว ทำให้ซ่อนแผลได้ดี โดยปกติเมื่อแผลหายสนิทจะมองเห็นได้น้อยมาก
5. โปรแกรมยกหางตา Subbrow Lifting ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
อยู่ได้นานหลายปีขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตนเอง แนะนำดูแลผิวรอบดวงตาให้ดีเพื่อลดการหย่อนคล้อยในอนาคต
6. โปรแกรมยกหางตา Subbrow Lifting สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม?
สามารถทำร่วมกับ Botox, Filler, หรือ Ulthera เพื่อช่วยเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น
7. โปรแกรมยกหางตา Subbrow Lifting หลังทำสามารถแต่งหน้าได้เมื่อไหร่?
ควรงดแต่งหน้าบริเวณแผลประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
8.โปรแกรมยกหางตา Subbrow Lifting มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
ในช่วงแรกอาจมีอาการบวม ช้ำ หรือแผลเป็นเล็กน้อย แต่หากดูแลตามคำแนะนำของแพทย์ อาการเหล่านี้จะดีขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์
หากคุณกังวลกับปัญหาหางตาตก หนังตาหย่อนคล้อย ที่ทำให้รู้สึกว่าดวงตาดูเหนื่อยล้า และใบหน้าดูแก่กว่าวัย โปรแกรมยกหางตา (Subbrow Lifting) อาจเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุดช่วยยกกระชับผิวบริเวณหางตา ให้กลับมาตึงกระชับ โดยไม่ต้องทำตาสองชั้น ที่ Rassapoom Clinic เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและตรงกับความต้องการของคุณ นอกจากนี้ ทีม Beauty Consultant ของเราพร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยคอนเซปต์ “BE THE BEST VERSION OF BEAUTY DESIGN” เราพร้อมช่วยคุณออกแบบความงามในแบบที่เข้าใจคุณที่สุด พร้อมมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในทุกๆ การรักษา!