จบปัญหาหน้าแก่ หน้าโทรม ฟื้นคืนความอ่อนเยาว์สดใสให้ใบหน้า
ปัญหาถุงใต้ตา... ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป
ใบหน้าโทรม ไม่สดใส เกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ความหย่อนคล้อย หรือความหมองคล้ำ ซึ่งล้วนเป็นสัญญาณของความโรยรา ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและดูแก่กว่าวัย แต่หนึ่งในปัญหาที่หลายคนแก้ไม่ตก และส่งผลอย่างมากต่อความสดใสของใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นวัยหนุ่มสาวก็สามารถพบเจอปัญหานี้ได้ที่ส่งผล ทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้า ไม่สดชื่น ดูมีอายุแม้จะพักผ่อนเพียงพอแล้วก็ตาม นั่นคือ “ถุงใต้ตา” นั่นเอง
ถุงใต้ตาใหญ่และคล้ำ ถือเป็นปัญหาใหญ่มากบนใบหน้า เพราะนอกจากจะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยแล้ว ยังทำให้ดูโทรม เหนื่อยล้า ไม่สดใสเหมือนคนนอนไม่พออยู่ตลอดเวลา โดยสาเหตุของถุงใต้ตา มีได้หลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ไขมันใต้ตาสะสม ฟิลเลอร์เก่าที่ยังไม่สลาย รวมไปถึงพันธุกรรมหรือพันธุกรรม โครงสร้างใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงตามวัย แม้ว่าจะพักผ่อนเพียงพอก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหานี้จะหายไป ดังนั้น การมีดวงตาที่สดใส เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอคะ? เพราะ “ดวงตาเปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจ” เมื่อดวงตาสดใส ใบหน้าก็จะดูอ่อนเยาว์ คืนความมั่นใจได้อีกครั้ง
ดังนั้น หากการแก้ปัญหาโดยการพักผ่อนให้เพียงพอ การฉีดฟิลเลอร์ หรือแม้กระทั้งการทำทรีทเมนต์ ยังไม่สามารถแก้ปัญหาถุงใต้ตาได้อย่างตรงจุด หรือให้ผลลัพธ์ไม่ทันใจ “การศัลยกรรมตัดถุงใต้ตา” (Lower Blepharoplasty) อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด ที่ Rassapoom Clinic เรามีทีมศัลยแพทย์ที่ช่วยผ่าตัดกำจัดถุงใต้ตาอย่างถาวร คืนความสดใสให้ดวงตา และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งเมคอัพหรือคอยปกปิดอีกต่อไป

ถุงใต้ตาคืออะไร
ถุงใต้ตา คือ การสะสมของไขมัน หรือ ของเหลวใต้ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาซึ่งทำให้เกิดการบวมและยุบตัวที่ดูเหมือนเป็นถุงใต้ตา ส่วนใหญ่มักพบได้ในคนที่มีอายุเพิ่มขึ้น แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับคนหนุ่มสาวเช่นกัน เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น พันธุกรรม, การพักผ่อนไม่เพียงพอ, ความเครียด, หรือการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง (เช่น การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่)
ถุงใต้ตาเป็นผิวหนังที่มีความอ่อนแอจนทำให้เกิดความหย่อนคล้อย มีลักษณะเป็นถุงบวม โดยปกติแล้วบริเวณใต้ตาจะมีไขมันสะสมช่วยในการปกป้องดวงตา แต่เมื่ออายุมากขึ้นหรือจากการใช้ชีวิตบางอย่าง ไขมันนี้อาจเคลื่อนตัวออกจากตำแหน่งที่ควรจะเป็น ทำให้เกิดถุงใต้ตาที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นและทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า อิดโรย และแก่กว่าวัยค่ะ
โปรแกรมตัดถุงใต้ตา คืออะไร
โปรแกรมตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) คือ การผ่าตัดศัลยกรรมกำจัดไขมันสะสม หรือ ลดการบวมบริเวณใต้ตา เพื่อแก้ปัญหาถุงใต้ตาได้อย่างถาวร ซึ่งทำให้ดวงตาดูสดใสขึ้นและใบหน้าโดยรวมอ่อนเยาว์ลงได้อย่างไม่น่าเชื่อค่ะ
เทคนิคการรักษาด้วยโปรแกรมตัดถุงใต้ตา
โดยการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) นี้สามารถทำได้ในสองวิธีหลักๆ คือ:
- การตัดถุงใต้ตา โดยเปิดแผลด้านใน (Transconjunctival Blepharoplasty)
โดยทำแผลที่ด้านในของเปลือกตาล่าง ซึ่งเทคนิคนี้ไม่ทิ้งรอยแผลด้านนอก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตาบวม แต่ผิวหนังบริเวณใต้ตาไม่หย่อนคล้อยมากจนเกินไป เทคนิคนี้สามารถผ่าตัด และกำจัดไขมันส่วนเกินที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิดถุงใต้ตาได้ - การตัดถุงใต้ตา โดยเปิดแผลด้านนอก (Subciliary Blepharoplasty)
การทำแผลที่ใต้ขนตาล่างเพื่อดึงไขมันและผิวที่หย่อนคล้อยให้กระชับขึ้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาทั้งถุงใต้ตา
และผิวที่หย่อนคล้อยมาก เทคนิคนี้อาจส่งผลให้มีแผลบริเวณขอบขนตาล่าง แต่แผลจะหายดีแทบจะมองไม่เห็น
ขั้นตอนเข้ารับการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา
ขั้นตอนการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา ที่ Rassapoom Clinic มีขั้นตอนดังนี้ค่ะ:
- ศัลยแพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะจุด พร้อมให้ยานอนหลับชนิดอ่อน (ในกรณีที่คนไข้มีความต้องการขอทานยา)
- ศัลยแพทย์จะทำการเปิดผิวหนังเป็นลักษณะเส้นยาวตรงบริเวณตาชั้นล่าง เทคนิคแล้วแต่เคส ขึ้นอยู่กับการตกลงก่อนทำการรักษา
- หลังจากนั้นแพทย์ทำการตัดถุงไขมันส่วนเกินออก
- ศัลยแพทย์จะทำการตัดเย็บกล้ามเนื้อ และผิวหนังบริเวณเปลือกตาด้านล่าง ที่ผิวหนังมีความหย่อนคล้อยออกเพื่อทำให้เรียบตึง
- หลังจากนั้นศัลยแพทย์ทำการเย็บปิดแผล โดยใช้ระยะเวลาในการผ่าตัด 1-2 ชั่วโมง
สาเหตุของการเกิดถุงใต้ตา

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดถุงใต้ตา สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติของร่างกายหรือ ปัจจัยภายนอกอื่นๆ ดังนี้ค่ะ:
1. การเสื่อมสภาพตามวัย
เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น ผิวหนังและเนื้อเยื่อรอบดวงตาจะเริ่ม สูญเสียความยืดหยุ่น และ บางลง ทำให้ไม่สามารถรองรับไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังได้ดีเท่าเมื่อก่อน จึงเกิดการสะสมของไขมันที่บริเวณใต้ตาได้ จนเปิดเป็นปัญหาถุงใต้ตานั้นเอง
2. การสะสมของไขมันใต้ตา
ไขมันใต้ตาที่มีบทบาทในการปกป้องดวงตาอาจเคลื่อนตัวออกจากตำแหน่งเดิม หรือมีการสะสมของไขมันในบริเวณใต้ตาที่ปริมาณเยอะจนเกินไป ทำให้เกิดการบวมและดูเหมือนเป็น ถุงใต้ตา
3. พันธุกรรมหรือกรรมพันธุ์
นอกจากเรื่องของอายุ หรือไขมันสะสมแล้วนั้น ถุงใต้ตาสามารถเกิดขึ้นได้จาก พันธุกรรม หรือกรรมพันธุ์ หากคนในครอบครัวของคุณมีปัญหาถุงใต้ตา ก็อาจจะเกิดขึ้นกับคุณได้เช่นกัน โดยบางคนอาจจะพบปัญหานี้ตั้งแต่อายุยังน้อย
4. การขาดการนอนหลับพักผ่อน
การนอนหลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ สามารถทำให้ผิวหนังรอบดวงตาบวมและเหนื่อยล้า ซึ่งจะทำให้ ถุงใต้ตาดูเด่นชัดขึ้นได้ในระยะยาว
5. ความเครียด
ความเครียด หรือการทำงานหนักอาจทำให้เกิด การสะสมของของเหลว ในบริเวณใต้ตา ส่งผลให้เกิดการบวมและถุงใต้ตา
6. การใช้ชีวิตประจำวันที่ส่งผลต่อร่างกาย
การใช้ชีวิตที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ก็เป็นต้นเหตุสำคัญในการทำให้เกิดถุงใต้ตาได้เช่นกัน เช่น การสูบบุหรี่ ทำให้การไหลเวียนของเลือดแย่ลง และทำให้ผิวหนังรอบดวงตาเสื่อมสภาพเร็วขึ้น, การดื่มแอลกอฮอล์ มีผลทำให้ร่างกายขาดน้ำ และทำให้เกิดการบวมใต้ตา หรือแม้กระทั้งการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง ทำให้ร่างกายเก็บน้ำและเกิดการบวมตามจุดต่างๆ รวมถึงบริเวณใต้ตาด้วย
7. อาการแพ้
บางครั้งการแพ้สารเคมี หรือการใช้เครื่องสำอางอาจทำให้เกิดการ บวมใต้ตา เนื่องจากผิวหนังบริเวณนั้นอ่อนบางและแพ้ง่าย
8. การทำทรีทเมนต์หรือการฉีดฟิลเลอร์ที่ผิดวิธี
การฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ตรงกับความต้องการอาจทำให้ เกิดการสะสมของฟิลเลอร์ หรือที่เรียกว่าฟิลเลอร์ไม่มีการสลายตามระยะเวลา และทำให้เกิดถุงใต้ตา หรือแม้กระทั่งทำให้ดูบวมผิดปกติได้
9. ปัญหาสุขภาพบางประการ
การเจ็บป่วยบางประเภท เช่น โรคไทรอยด์ หรือ โรคเกี่ยวกับการไหลเวียนโลหิต อาจมีผลทำให้เกิดถุงใต้ตาได้ การเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดถุงใต้ตา จะช่วยให้สามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเองได้ค่ะ
ข้อดีของการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา
การรักษาด้วยโปรแกรมตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty)มีข้อดีหลายประการที่ช่วยปรับใบหน้าและดวงตาให้ดูสดใสขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการลดปัญหาถุงใต้ตาที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและแก่กว่าวัย ข้อดีหลักๆ ของโปรแกรมนี้มีดังนี้ค่ะ:
- แก้ไขปัญหาถุงใต้ตาอย่างถาวร
- คืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า
- ปรับรูปหน้าทำให้ดูสมดุล
- ลดการบวมและคล้ำใต้ตา
- ผลลัพธ์ที่ยาวนาน
ใครเหมาะกับการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา
- ที่มีปัญหาถุงใต้ตาหย่อนคล้อย
- ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณใต้ตา เยอะจนเกินไป
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังหย่อน หรือบวมบริเวณใต้ตา
- ผู้ที่ต้องการตัดถุงใต้ตา ที่เกิดจากพันธุกรรม
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว และถาวร
ปัญหาถุงใต้ตาบวม บ่งบอกโรคอะไรได้บ้าง
ถึงแม้ปัญหาถุงใต้ตาสามารถเจอได้ง่ายทั้งวัยหนุ่มสาว หรือผู้ที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจ เนื่องจากปัญหาถุงใต้ตาอาจเป็นสัญญาณของโรคหรือภาวะบางอย่างในร่างกายได้เช่นกัน มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง:
- โรคไต
- โรคภูมิแพ้
- โรคตับ
- โรคต่อมไทรอยด์ (Hypothyroidism)
- โรคโลหิตจาง
- ภาวะการขาดสารอาหาร
- การติดเชื้อ
- ภาวะการไหลเวียนเลือดไม่ดี
- ภาวะรังสีและมลพิษ
- ปัญหาภาวะเลือดลมไม่ดี (Venous Insufficiency)
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาด้วยโปรแกรมตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น และลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยทั่วไปแล้วการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดมีดังนี้ค่ะ:
- ปรึกษาศัลยแพทย์ก่อนการรักษา: โดยแพทย์จะทำการประเมินสภาพดวงตาและผิวหนังรอบดวงตา พร้อมกับตรวจสอบสุขภาพโดยรวมของผู้เข้ารับการรักษา เพื่อให้มั่นใจว่าคุณเหมาะสมกับการทำโปรแกรมตัดถุงใต้ตาหรือไม่
- หยุดใช้ยาบางชนิดก่อนการรักษาก่อนการผ่าตัดประมาณ 1 สัปดาห์ ควรหยุดใช้ยาบางชนิดที่อาจทำให้เลือดไหลออกได้ง่าย เช่น ยาละลายเลือด (Aspirin, Ibuprofen)หรือ วิตามิน E โดยเฉพาะหากคุณมีโรคประจำตัวที่ต้องใช้ยาต่อเนื่อง ควรปรึกษาศัลยแพทย์ก่อนหยุดยา
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ก่อนทำการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า และไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์ ก่อนเข้ารับการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา
- กรณีมีโรคประจำตัวควรแจ้งศัลยแพทย์ก่อนทำการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา
ข้อปฏิบัติหลังทำการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา
หลังทำการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) แล้วนั้น จะต้องมีวิธีการรักษาตัว เพื่อให้มีการฟื้นตัวที่เร็วขึ้น ดังนี้ค่ะ:
- นอนยกศีรษะสูง เพื่อลดอาการบวม และทำให้แผลที่อาจบวมขึ้นยุบตัวเร็ว
- ประคบเย็นที่ตาทั้ง 2 ข้าง วันละ 4 ครั้ง ประมาณ 3 – 5 วัน หลังทำการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty)
- หลีกเลี่ยงอย่าให้แผลโดนน้ำช่วง 3 วันแรก หลังจากนั้นสามารถทำความสะอาดใบหน้าได้ตามปกติ
- หลังรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา หากมีสะเก็ด หรือคราบเลือดให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่นสะอาดเท่านั้น
- หลังรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา สามารถสวมคอนแทคเลนส์ได้ภายใน 7 – 14 วัน
- หลังรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตางดใช้เครื่องสำอางบริเวณผิวรอบดวงตาไปก่อน จนกว่าแผลจะหายดี
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งจ่ายอย่างเคร่งครัด
ผลข้างเคียงหลังทำการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา
หลังทำการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา อาจมีผลข้างเคียงได้บ้างดังนี้:
- ในช่วงแรกหลังทำการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา เปลือกตาอาจจะปิดไม่สนิท ประมาณ 1-2 สัปดาห์ สามารถปิดตาสนิทได้ตามปกติ
- ในช่วงแรก จะมีอาการตาแห้ง จึงทำให้มีน้ำตาไหลได้ ซึ่งถือว่าเป็นปกติ
Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา
- โปรแกรมตัดถุงใต้ตาคืออะไร?
– โปรแกรมตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) เป็นการผ่าตัดเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมใต้ตาและทำการยกกระชับผิวหนังบริเวณรอบดวงตา เพื่อลดอาการบวมใต้ตาและทำให้ดวงตาดูสดใสขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเหนื่อยล้าและอายุที่ดูมากกว่าความเป็นจริง
- โปรแกรมตัดถุงใต้ตามีความเจ็บปวดหรือไม่?
– ก่อนการผ่าตัด แพทย์จะใช้ยาชาหรือยาสลบเพื่อให้คุณรู้สึกสบายและไม่เจ็บปวดในระหว่างการผ่าตัด หลังการผ่าตัดอาจมีอาการบวมและตึงที่บริเวณตา ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการทายาหรือการประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์
- ผลลัพธ์หลังการทำโปรแกรมตัดถุงใต้ตาเป็นอย่างไร?
– ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ หลังการผ่าตัด โดยถุงใต้ตาจะลดลงและใบหน้าดูสดใสขึ้น ผิวหนังรอบดวงตาจะดูตึงกระชับขึ้น
- หลังการรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตาใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
– โดยทั่วไป การฟื้นฟูจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ซึ่งจะมีอาการบวมและช้ำที่รอบดวงตาในช่วงแรก
- การรักษาด้วยโปรแกรมตัดถุงใต้ตาสามารถแก้ปัญหาถุงใต้ตาได้ถาวรไหม?
– ใช่ค่ะ การรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและถาวร โดยถุงใต้ตาจะลดลงและไม่กลับมาเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม การเสื่อมสภาพตามธรรมชาติของผิวหนังอาจเกิดขึ้นได้ตามอายุ
- การผ่าตัดนี้สามารถทำได้ในทุกคนหรือไม่?
– การรักษาโปรแกรมตัดถุงใต้ตานี้เหมาะสำหรับผู้ที่สุขภาพดี และไม่มีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลกระทบต่อการผ่าตัด เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือปัญหาการแข็งตัวของเลือด
การทำโปรแกรมตัดถุงใต้ตาเป็นทางเลือกที่ดีในการแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาและทำให้ดวงตาดูสดใสและอ่อนเยาว์มากขึ้นค่ะ ถ้าใครกำลังวิตกกับปัญหาถุงใต้ตาอยู่ และกำลังมองหาวิธีที่สามารถแก้ไขได้ตรงจุด และถาวร ที่ Rassapoom Clinic อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา โดยทีมศัลยแพทย์ของเราพร้อมให้คำปรึกษา และวางแผนออกแบบการรักษา
ที่เหมาะสมกับปัญหาของคุณอย่างตรงจุด เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ นอกจากนี้เรายังมี ทีม Customer Service ที่เป็น Beauty Butlerคอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความงามและการดูแลตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยคอนเซปต์ “BE THE BEST VERSION OF BEAUTY DESIGN” เราพร้อมช่วยคุณออกแบบความงามในแบบที่เข้าใจคุณที่สุด พร้อมมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในทุกๆ การรักษา