สร้างหุ่นสวย สลายไขมัน พร้อม กระชับผิวด้วยโปรแกรมดูดไขมัน BodyTite Pro
ยกระดับเทคโนโลยีปั้นหุ่นสวย สลายไขมัน และกระชับผิวในหนึ่งเดียว ดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro
 
															 
															 
															 
															ปัญหาไขมันหน้าท้องเป็นสิ่งที่หนุ่มๆ สาวๆ หลายคนกังวล เพราะไม่ว่าจะออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารอย่างไร บางครั้งก็ยังไม่สามารถกำจัดไขมันหน้าท้องส่วนเกินทั้งหมดได้ การมีหน้าท้องแบนราบและกระชับ จึงเป็นเป้าหมายที่หลายคนต้องการ แต่หากพูดถึงวิธีที่ รวดเร็ว เห็นผลทันใจ และทำครั้งเดียวจบ ก็ต้องยอมรับว่า “การดูดไขมันหน้าท้อง”( Abdomen Liposuction) เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด
ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายที่เข้ามาช่วยจัดการกับปัญหา ไขมันหน้าท้องส่วนเกิน แต่จะดีกว่าไหมถ้าคุณสามารถกำจัดไขมันหน้าท้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับ กระชับผิวบริเวณหน้าท้องงที่หย่อนคล้อย ให้กลับมาเรียบเนียน สวย มั่นใจได้ในเวลาเดียวกัน
หนึ่งในเทคโนโลยีที่ Rassapoom Clinic จะมาแนะนำทุกคนที่กำลังกังวลกับปัญหาไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง นั้นก็คือโปรแกรม BodyTite Pro คือเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยดูดไขมันพร้อมยกกระชับผิวในขั้นตอนเดียว ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ ไม่ใช่เพียงแค่หน้าท้องที่เล็กและแบนราบขึ้น แต่ยังได้ผิวที่เรียบเนียนกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ ถ้าคุณกำลังมองหาเทคโนโลยีที่ช่วยปั้นหุ่นในฝันครบจบในครั้งเดียว ใช้เวลาพักฟื้นน้อย ดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
ไขมันหน้าท้องคืออะไร?
ไขมันหน้าท้อง คือ ไขมันที่สะสมอยู่ในบริเวณท้อง ซึ่งเป็นส่วนที่หลายคนกังวลเนื่องจากเป็นพื้นที่ๆ ไขมันมักสะสมได้ง่ายและจัดการได้ยาก ไขมันในส่วนนี้ไม่เพียงทำให้รูปร่าง ดูไม่สมส่วน แต่ยังอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย แม้จะมีการออกกำลังกาย หรือควบคุมอาหาร ก็ไม่สามารถกำจัดไขมันบริเวณหน้าท้องไปทั้งหมด
วันนี้ Rassapoom Clinic จะมาไขข้อข้องใจถึงโครงสร้างของไขมันในร่างกาย ไขมันหน้าท้อง เกิดจากการที่ร่างกายได้รับ ปริมาณไขมัน หรือแคลอรีสูงกว่าที่ร่างกายจำเป็น เช่น การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือการกินมากเกินกว่าที่ร่างกายจะเผาผลาญได้ เมื่อร่างกายใช้พลังงานไม่หมด ไขมันส่วนเกินเหล่านี้จะถูกสะสมใน เนื้อตับ และ เยื่อบุช่องท้อง ส่งผลให้ชั้นไขมันในช่องท้องหนาตัวขึ้น การสะสมไขมันเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ พุงป่อง หรือ พุงยื่น ออกมาอย่างเห็นได้ชัด และไม่เพียงแค่ทำให้รูปร่างดูไม่สมส่วน แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคไขมันพอกตับ โรคหัวใจ และเบาหวาน
ไขมันหน้าท้องแบ่งด้วยกัน 2 ประเภทดังนี้:
- ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat): ไขมันประเภทนี้อยู่ชั้นตื้นใต้ผิวหนัง แต่อยู่เหนือกล้ามเนื้อ เป็นไขมันที่สามารถจับหรือบีบได้ มักพบในบริเวณหน้าท้อง สะโพก และต้นขา แม้จะไม่ได้ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพมากนัก แต่ไขมันชนิดนี้มักทำให้รูปร่างดูไม่สมส่วนและลดได้ยาก
- ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat): ไขมันชนิดนี้อยู่ลึกเข้าไปในช่องท้องรอบอวัยวะสำคัญ เช่น ตับ ตับอ่อน และลำไส้ และยังเป็นไขมันที่มองไม่เห็นและไม่สามารถจับหรือบีบไม่ได้ และยังเป็นไขมันที่อันตรายต่อสุขภาพมากที่สุด เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง
ดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro คืออะไร?
 
															โปรแกรม BodyTite Pro คือเทคโนโลยีการดูดไขมัน สลายไขมันส่วนเกิน โดยใช้พลังงาน Radio-Frequency Assisted Liposuction (RFAL) หรือคลื่นความถี่วิทยุแบบพิเศษที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในการ “ดูดไขมันหน้าท้อง” เพราะนอกจากการดูดไขมันแล้วนั้น ยังช่วยกระชับผิวให้เรียบเนียนในขั้นตอนเดียว การดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันบริเวณหน้าท้องแบบรวดเร็วและปลอดภัย ทำครั้งเดียวจบ ไม่ต้องการทำซ้ำ พักฟื้นน้อย นอกจากนี้ โปรแกรม BodyTite Pro ได้รับการยอมรับมาตรฐานจาก US FDA. อีกด้วย
   ในอดีตนั้น มีการดูดไขมันด้วยโปรแกรม BodyTite แต่ต่อมาได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีและฟังก์ชั่น ที่ตอบโจทย์กับปัญหาไขมันหน้าท้อง และต้องการกระชับผิวหย่อนคล้อยในเวลาเดียวกัน จนกลายมาเป็นโปรแกรม “BodyTite Pro” พร้อมฟังก์ชั่นในการทำงานที่หลากหลายมากขึ้น 
   โปรแกรม BodyTite Pro มาพร้อมด้วย  3 Handpiece หลักที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการดูดไขมันและกระชับผิว ในแต่ละบริเวณของร่างกายอย่างเหมาะสมที่สุด ได้แก่:
- โปรแกรม BodyTite Handpiece 
 – สำหรับดูดไขมันในบริเวณขนาดใหญ่ เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นขา มีขนาดเพียง 3-4 mm. เท่านั้น
 – ใช้คลื่น RFAL (Radio-Frequency Assisted Liposuction) ในการสลายไขมัน ดูดไขมัน และกระชับผิวในขั้นตอนเดียว
- โปรแกรม FaceTite Handpiece 
 – Handpiece ขนาดเล็กจิ๋วพิเศษ ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับพื้นที่เล็กและบอบบาง เช่น แก้ม ใบหน้า ลำคอ เหนียงและใต้คาง
 – ช่วยกระชับผิวและลดความหย่อนคล้อยอย่างมีประสิทธิภาพ มีขนาดเพียง 1.3 mm เท่านั้น
- โปรแกรม AccuTite Handpiece 
 – เหมาะสำหรับการดูดไขมันในบริเวณเล็กและเข้าถึงยาก เช่น รอบดวงตา ร่องแก้ม หรือใต้คาง
 – ใช้สำหรับการเก็บรายละเอียดในจุดที่ต้องการความแม่นยำในการดูดไขมันและกระชับผิวมากกว่าในบริเวณอื่นๆ
หลักการทำงานของโปรแกรม Body Tite Pro
โปรแกรม BodyTite Pro เป็นเทคโนโลยีการดูดไขมันที่ใช้ คลื่นความถี่วิทยุ (Radio-Frequency Assisted Liposuction – RFAL) ซึ่งทำงานผ่านการใช้พลังงานความร้อนในการรักษาอยู่ที่ 40 – 60 องศาเซลเซียสถูกส่งออกจากเครื่องผ่านเข็มทู่ที่สอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อหลอมละลาย และ สลายไขมัน ดูดไขมัน และกระชับผิวในขั้นตอนเดียว โดยมีหลักการที่สำคัญแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การสลายไขมัน การดูดไขมันและ กระชับผิว
1. การสลายไขมัน ดูดไขมัน ด้วยคลื่น RF (Radio Frequency Assisted Liposuction – RFAL)
- โปรแกรม BodyTite Pro จะส่งคลื่นความถี่วิทยุที่มีอุณหภูมิประมาณ 40-60 องศาเซลเซียส ไปยังชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
- คลื่น RF จะช่วยทำให้เซลล์ไขมันแตกตัว และหลอมละลาย ทำให้สามารถดูดไขมันออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ความร้อนที่เกิดขึ้น ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในบริเวณที่ทำการรักษาทำให้ร่างกายสามารถขจัดเซลล์ไขมันที่หลอมละลายออกมาและดูดไขมันออกได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
2. การกระชับผิว
- คลื่น RF ที่ถูกปล่อยออกจากโปรแกรม BodyTite Pro ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวไม่หย่อนคล้อยหลังจากการดูดไขมัน อีกทั้งยังสามารถกระชับผิวได้ในเวลาเดียวกัน
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวมีความกระชับและเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้หน้าท้องเล็กลง แบนราบ รูปร่างผอมเพรียว พร้อมผิวที่กระชับเรียบเนียนขึ้น
ดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro กับการดูดไขมันแบบธรรมดา แตกต่างกันอย่างไร?
| 
Procedure
 | 
โปรแกรม Body Tite Pro
 | 
โปรแกรม Vaser Liposuction
 | 
โปรแกรม Liposuction
 | 
|---|---|---|---|
ข้อดีของการดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro
 
															- ช่วยสลายไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง และกระชับผิวในขณะเดียวกัน
- แผลเล็กกว่า บวมช้ำน้อยกว่า พักฟื้นน้อยกว่า แต่สามารถไปทำงานและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- สามารถดูดไขมันส่วนเกินได้มากกว่าการดูดไขมันแบบทั่วไป
- ทำครั้งเดียวจบ สัดส่วนลดลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
- มีความปลอดภัยสูง ได้รับมาตราฐานการรองรับจาก US FDA
- ใช้ระยะเวลาในการรักษาไม่นาน เพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น
ข้อเสียของการดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat)
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยมากจนเกินไป เช่น หน้าท้องพับ หรือหย่อนคล้อยจากการคลอดลูก
ใครเหมาะกับการดูดไขมันหน้าท้อง BodyTite Pro
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินหน้าท้องบน หน้าท้องล่าง เอว หรือไขมันส่วนเกินบริเวณอื่นๆในร่างกาย สามารถดูดไขมันด้วยโปรแกรม BodyTite Pro ได้
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกิน และผิวหนังหย่อนคล้อย
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าท้องหย่อนคล้อยหลังคลอดในระดับปานกลาง
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันหน้าท้อง โดยไม่ต้องการผ่าตัด แผลเล็ก พักฟื้นน้อย
นอกจากดูดไขมันหน้าท้อง สามารถทำการรักษาบริเวณใดได้บ้าง?
นอกจากดูดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องได้แล้วนั้น ยังสามารถทำการดูดไขมันบริเวณอื่นๆในร่างกายได้แก่:
- ดูดไขมันต้นแขน
- ดูดไขมันต้นขา
- ดูดไขมันสะโพก
- ดูดไขมันนมน้อย
- ดูดไขมันเหนียง ใต้คาง
- ดูดไขมันแก้ม
- ดูดไขมันเอว
- ดูดไขมันหัวเข่า
- ดูดไขมันปีกนางฟ้า
- ดูดไขมันน่อง
ขั้นตอนการดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro ที่ Rassapoom Clinic
 
															- เข้ารับการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: ก่อนการทำหัตถการคุณจะได้พบกับ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ Rassapoom Clinic เพื่อ ปรึกษาและประเมินปัญหาของไขมันสะสม รวมถึงการกระชับผิว ที่คุณต้องการ แพทย์จะทำการประเมินไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง พร้อมทั้งออกแบบการรักษา
- แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะจุด Tumescent เพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างการรักษา
- แพทย์จะทำการเปิดแผลด้วยเข็มขนาดเล็ก หลังจากยาชาออกฤทธิ์ ดังนั้นหลังทำจึงไม่ทิ้งรอยแผลเป็น เนื่องจากแผลจะมีขนาดที่เล็กมาก
หลังจากนั้นแพทย์ทำการสลายเซลล์ไขมัน พร้อมดูดไขมันและยกกระชับผิวหนัง โดยการสอดหัว Cannula เข้าไปที่ใต้ชั้นผิวหนังบริเวณที่ต้องการรักษาใช้เวลาในการรักษาอยู่ ที่ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความหนาและพื้นที่ของไขมันส่วนเกินและความยากง่ายของผิวหนังในแต่ละเคส
ก่อนทำการรักษาดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro มีข้อปฏิบัติอะไรบ้าง
 
															ก่อนทำการดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro ที่ Rassapoom Clinic ควรเตรียมตัวดังต่อไปนี้
- หยุดการใช้ ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, ยาต้านการอักเสบ, หรือยาที่มีส่วนผสมของกรดอะซิติลซาลิไซลิก (NSAIDs) ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนการทำการดูดไขมันหน้าท้อง
- งดวิตามิน และอาหารเสริม เช่น น้ำมันตับปลา, วิตามิน C,B,E ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนการทำการดูดไขมันหน้าท้อง
- กรณีมีประจำเดือน หรือมีอาหารเจ็บป่วย แนะนำไม่ควรทำการรักษาดูดไขมันหน้าท้องในขณะนั้น
- แจ้งโรคประจำตัว และประวัติการแพ้ยาทั้งหมด ให้แพทย์ทราบก่อนทำการรักษาดูดไขมันหน้าท้อง
- งดสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนทำการรักษา 2 สัปดาห์ ก่อนการทำการดูดไขมันหน้าท้อง
- พักผ่อนให้เพียงพอก่อนเข้ารับการรักษาดูดไขมันหน้าท้อง งดดื่มชา กาแฟ ก่อนเข้ารับการรักษา
หลังทำการรักษาดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro มีข้อปฏิบัติอะไรบ้าง
หลังทำการดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro ที่ Rassapoom Clinic มีข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้
- ทำความสะอาดแผลวันละ 1 ครั้ง หรือตามคำแนะนำของแพทย์
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำ หรือหลีกเลี่ยงไม่ให้แผลสัมผัสกับน้ำโดยตรง  โดยสามารถทำการอาบน้ำได้หลังจากดูดไขมันหน้าท้อง 1 วัน
 โดยแปะพลาสเตอร์กันน้ำบริเวณแผลก่อนอาบน้ำทุกครั้ง
- แนะนำใส่ชุดกระชับ หรือ Body Compressive garment วันละ 12 ชั่วโมง ระยะเวลา 1 เดือนหลังทำการดูดไขมันหน้าท้อง เพื่อจัดกรอบรูปร่างหลังการดูดไขมัน ให้ผลลัพธ์รูปร่างที่เพรียว กระชับมากยิ่งขึ้น
- งดกิจกรรมที่ใช้แรง หรือออกกำลังกายหนัก ในช่วง 2 สัปดาห์หลังทำการรักษาดูดไขมันหน้าท้อง
- งดสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ 1 สัปดาห์ หลังทำการรักษาดูดไขมันหน้าท้อง
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
Q&A เกี่ยวกับการดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro
1. ดูดไขมันหน้าท้อง ด้วยโปรแกรม BodyTite Pro คืออะไร?
- BodyTite Pro คือเทคโนโลยีการดูดไขมันที่ใช้ คลื่นความถี่วิทยุ (Radio-Frequency Assisted Liposuction – RFAL) ในการสลายไขมันและกระชับผิวไปพร้อมกัน ซึ่งทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการดูดไขมันแบบทั่วไป ทั้งในเรื่องของการสลายไขมัน
 และการกระชับผิว หลังการรักษาเซลล์ไขมันจะโดนกำจัด และผิวจะไม่หย่อนคล้อย มีความเรียบเนียนขึ้นทันที
2. การดูดไขมันหน้าท้อง ด้วยโปรแกรม BodyTite Pro ปลอดภัยไหม?
- การดูดไขมันด้วยโปรแกรม BodyTite Pro ถือเป็นการรักษาที่ ปลอดภัย เมื่อทำการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากเทคโนโลยี RF ช่วยลดการสูญเสียเลือด และช่วยให้การฟื้นตัวเร็วขึ้น โดยไม่ต้องพักฟื้น
3. ผลลัพธ์ที่ได้จากการดูดไขมันหน้าท้อง ด้วยโปรแกรม BodyTite Pro เป็นอย่างไร?
- ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำโปรแกรม BodyTite Pro จะเห็นความแตกต่างใน การลดไขมันส่วนเกิน และ การกระชับผิว ทันทีหลังการทำ และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นอีกใน 3-6 เดือน เมื่อผิวกระชับและเรียบเนียนขึ้น ขึ้นอยู่กับลักษณะร่างกายของแต่ละบุคคล
4. หลังการดูดไขมันด้วยโปรแกรม BodyTite Pro ฟื้นตัวนานไหม?
- การดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro ใช้เวลาพักฟื้นน้อย อาจจะมีความเจ็บปวดหลังทำการดูดไขมันได้บ้าง แต่ไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน สามารถออกไปทำงาน ทานอาหาร ช้อปปิ้ง ได้ตามปกติ 
5.ต้องใส่ชุดกระชับหลังการดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro ไหม?
- แพทย์แนะนำว่า ควรใส่ชุดกระชับรูปอร่าง หรือ Body Compressive Garment หลังจากการทำการดูดไขมันด้วยโปรแกรม BodyTite Pro เพื่อช่วยให้ผิวกระชับ จัดกรอบรูปร่างให้เข้าที่เร็วยิ่งขึ้น และลดอาการบวมได้ดี ชุดกระชับจะช่วยให้น้ำเหลืองที่สะสมในร่างกายระบายออก และช่วยกระชับรูปร่างให้เข้าที่เร็วยิ่งขึ้นด้วย
6. การดูดไขมันหน้าท้องด้วยโปรแกรม BodyTite Pro เจ็บไหม?
- ในระหว่างการทำการรักษา ไม่มีอาการเจ็บ เนื่องจากมีการใช้ยาชาเฉพาะจุด ที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บ ปกติแล้วผู้ที่ทำการรักษาจะรู้สึกอุ่นๆ บริวณที่ดูดไขมันเท่านั้นเอง
สำหรับใครที่กำลังกังวลปัญหาไขมันส่วนเกิน ไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง หรือแม้กระทั้งมีผิวหนังหย่อนคล้อย และต้องการกระชับรูปร่าง การดูดไขมันหน้าท้อง BodyTite Pro ที่ Rassapoom Clinic อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำปรึกษา และวางแผนออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับรูปร่างของคุณอย่างตรงจุด เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ นอกจากนี้เรายังมี ทีม Customer Service ที่เป็น Beauty Butlerคอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความงามและการดูแลตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยคอนเซปต์ “BE THE BEST VERSION OF BEAUTY DESIGN”เราพร้อมช่วยคุณออกแบบความงามในแบบที่เข้าใจคุณที่สุด พร้อมมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในทุกๆ การรักษา
 
								 
								 
															 
															 
								 
								 
								 
								 
															