ศัลยกรรมเสริมจมูกคืออะไร ใครเหมาะแก่การเสริมจมูก
ความมั่นใจนอกจากจะสร้างได้จากตัวเองแล้ว อีกทางที่สามารถสร้างได้คือการเสริม เติม และแต่งเพื่อให้ดูดีมากขึ้น เป็นการสร้างความมั่นใจจากภายนอก เพื่อเยียวยาจิตใจ หรือปิดบาดแผลที่อาจจะเคยถูกสร้างขึ้นมาจึงทำให้เกิดความไม่มั่นใจ
การศัลยกรรมเสริมจมูกจัดเป็นศัลยกรรมอย่างแรกๆ ทั้งยังเป็นศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมที่คนมักเลือกทำเนื่องจากเป็นจุดกึ่งกลางของใบหน้า เปรียบเสมือนจุดสังเกตที่คนมักจะมองเป็นอย่างแรก และเป็นส่วนที่กำหนดมิติของใบหน้า อย่างที่หลายๆ คนบอกว่า เมื่อจมูกโด่งสวยก็จะทำให้หน้ามีมิติมากขึ้น หน้าจะดูอ่อนหวานหรือคมดุ ก็ขึ้นอยู่กับทรงจมูกทั้งสิ้น
ศัลยกรรมเสริมจมูกคืออะไร เสริมจมูกครั้งแรกควรรู้
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การศัลยกรรมเสริมจมูก คือการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อตกแต่งแก้ไขรูปทรงจมูกให้โด่งขึ้น สวยงามขึ้น ด้วยการเสริมวัสดุ ด้วยการเสริมซิลิโคนเข้าไปที่บริเวณจมูกเพื่อให้มีความโด่งเข้ารูปรับกับใบหน้า ร่วมกันกับวัสดุต่างๆ ที่ช่วยเสริมให้การศัลยกรรมเสริมจมูก มีรูปทรง และรูปร่างที่สวยมากขึ้น เช่น กอร์เท็กซ์ (Gore-tex), เม็ดพอร์ (Medpor) รวมไปจนกระดูกอ่อน หรือกระดูกซี่โครง
การศัลยกรรมเสริมจมูกนั้นนอกจากจะเป็นการเสริมเพื่อเพิ่มความมั่นใจแล้วศัลยกรรมเสริมจมูกยังสามารถเสริมเพื่อแก้ปัญหา รูปจมูกที่ผิดปกติ จมูกไม่ได้สัดส่วน ช่วยแก้ไขโครงสร้างจมูกที่มีปัญหาจากความบกพร่องแต่กำเนิดรวมทั้งแก้ไขความผิดพลาดจากการเกิดอุบัติเหตุได้
นอกจากนี้การศัลยกรรมเสริมจมูกยังนับเป็นศิลปะอย่างหนึ่งแพทย์ที่เลือกจึงต้องมีทักษะในการออกแบบซิลิโคน ให้มีรูปทรงรับกับใบหน้าและรูปทรงของอวัยวะต่างๆ บนใบหน้า รวมทั้งยังต้องคำนวณความปลอดภัยในการวางซิลิโคน การกำหนดความสูงโด่งของซิลิโคนให้มีความพอดีกับเนื้อจมูกของแต่ละบุคคลให้อยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัย ไม่มีการทะลุหรือก่อให้เกิดอันตรายในภายหลัง
ศัลยกรรมเสริมจมูกคืออะไร เสริมจมูกครั้งแรกควรรู้
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ใครบ้างที่เหมาะกับการศัลยกรรมเสริมจมูก ?
คนที่เหมาะกับการศัลยกรรมเสริมจมูกนั้นมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นคนที่ต้องการศัลยกรรมเสริมจมูกเพื่อความสวยงาม ศัลยกรรมเสริมจมูกเพื่อ รักษาโรคทางการหายใจ ศัลยกรรมเสริมจมูกเพื่อแก้ไขหรือปรับแต่ง แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้วผู้ที่จะเสริมจมูกต้องมีคุณสมบัติดังนี้จึงจะสามารถศัลยกรรมเสริมจมูกได้
1.ผู้ศัลยกรรมเสริมจมูกควรมีอายุ 18-20 ปีขึ้นไปเนื่องจากอยู่ในช่วงวัยที่ใบหน้าเจริญเติบโตเต็มที่ จมูกมีขนาดและรูปร่างที่คงที่แล้ว
2.ผู้ศัลยกรรมเสริมจมูกนั้นจะต้องไม่ได้อยู่ในช่วงที่กำลังมีการตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
3.ศัลยกรรมเสริมจมูกไม่แนะนำให้ทำในผู้ที่ใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันอีกทั้งยังรวมไปจนถึงบุคคลกลุ่มที่มีโรคหลอดเลือดผิดปกติ ตัวอย่างเช่นโรคหลอดเลือดตีบ
4.ผู้ที่มีโรคประจำตัวการศัลยกรรมเสริมจมูกอาจส่งผลต่อการผ่าตัด เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคร่วมด้วย ก่อนทำการตัดสินใจศัลยกรรมเสริมจมูก
5.ควรรักษาอาการเกี่ยวกับจมูก เช่นหวัด หรือแผลติดเชื้อก่อนทำการศัลยกรรมเสริมจมูก
ศัลยกรรมเสริมจมูกคืออะไร เสริมจมูกครั้งแรกควรรู้
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
สัดส่วนของจมูกที่สวยและได้สัดส่วนชัดเจนคือจมูกที่หากหันด้านข้างสันจมูกจะต้องทำมุมเป็นมุมป้าน โดยมีองศาอยู่ที่ 120 – 135 องศา ซึ่งความยาวจมูกและความโด่งของจมูกควรจะได้อัตราส่วน 1: 067 ไม่ควรที่จะมากกว่านี้เนื่องจากจะไม่สมส่วน ฐานกึ่งกลางจมูก ต้องได้องศาที่เหมาะสม คือในผู้หญิง 90-95 องศา และผู้ชาย 95 – 105 องศา สำหรับผู้หญิงปลายจมูกจะต้องเชิดและแหลมขึ้นเพื่อความละมุนของใบหน้า
ความยาวจมูกจะต้องมีความยาวอยู่ที่ 1 ใน 3 ของใบหน้า โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กันคือ หน้าผาก จมูก และคาง
ซิลิโคนจะต้องเหลาให้มีความเป็นธรรมชาติ การวางซิลิโคนจะต้องพุ่งออกมาจากด้านฐานกระดูกและวางในระดับความสูงที่ต่ำกว่าตาบนโดยจะต้องเหลือร่องส่วนเว้าเพื่อให้แยกกันได้ระหว่างด้านบนจมูก (Radix ) และกระดูกหน้าผาก (Grabella)
ทั้งนี้จมูกที่ออกแบบจะต้องเป็นทรงที่เข้ากับใบหน้าและเครื่องหน้า รูปทรงจะต้องมีความเป็นธรรมชาติและสมดุล หากมีครบทุกข้อจะทำให้ใบหน้าสวยขึ้นทันทีหลังจากการศัลยกรรมเสริมจมูก
การศัลยกรรมเสริมจมูกมีกี่ประเภท อะไรบ้าง ?
หลักๆ แล้วการศัลยกรรมเสริมจมูกที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป และใช้ในการทำศัลยกรรมเสริมจมูกเป็นหลักนั้นจะมีอยู่ 3 ประเภท จัดแบ่งตามลักษณะการผ่าตัดนั่นเอง
ศัลยกรรมเสริมจมูกคืออะไร เสริมจมูกครั้งแรกควรรู้
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
โดยแบบที่ 1 จะทำการผ่าตัดโดยการเปิดแผลเล็กๆ เพียงข้างเดียว เราจะเรียกการศัลยกรรมเสริมจมูกแบบนี้ว่าการ
“เสริมจมูกแบบปิด (Closed Endonasal Rhinoplasty)”
การศัลยกรรมเสริมจมูกจมูกแบบปิดเป็นการเสริมจมูกที่เป็นที่นิยมมาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบัน การศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยวิธีนี้ จะเหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มความสูงให้กับจมูกเล็กน้อย และไม่มีปัญหาอื่นๆ ผิดปกติเกี่ยวกับโครงสร้างจมูก ไม่มีปัญหาจมูกสั้นหรือเนื้อจมูกน้อย นอกจากดั้งจมูกแบนเพียงอย่างเดียว โดยที่มีรูปทรงจมูกเดิมเป็นทรงที่ดีอยู่แล้ว เหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มความโด่งหรือการยืดส่วนปลายจมูกยาวขึ้นไม่เกิน 3-5 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการให้เห็นแผลของการผ่าตัดจากภายนอก ทั้งยังเป็นวิธีที่เลือดออกไม่มากใช้เวลาพักฟื้นน้อย เนื่องจากเป็นวิธีการศัลยกรรมเสริมจมูกที่รบกวนโครงสร้างพื้นฐานจมูกที่น้อยที่สุด ไม่ต้องดมยาสลบในการผ่าตัดใช้เวลาในการทำ ใช้เวลาเพียงแค่ 30 – 45 นาที
วิธีการเสริมจมูกแบบปิด (Closed Endonasal Rhinoplasty)
1.แพทย์จะทำการผ่าตัดบริเวณด้านข้างของจมูก เพื่อสร้างช่องว่างที่สันจมูกใต้เยื่อหุ้มกระดูก จมูกในรูจมูกของคนไข้ อาจจะเปิดแผลแค่ข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้
2.ทำการสอดซิลิโคนแท่งที่ถูกเหลาตกแต่งเป็นทรง เข้าไปด้านในบริเวณสันจมูกจนถึงปลายจมูก เข้าไปตามรอยแผลผ่าตัด
3.หลังจากนั้นจึงจะทำการเย็บปิดแผลด้านในโพรงจมูก
วิธีนี้เป็นวิธีที่แพทย์จะเสริมจมูกโดยไม่มีการแก้ไขโครงสร้างภายในหมาะสำหรับ คนไข้ที่มีปัญหาโครงสร้างจมูกไม่มากนัก
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบปิด
1.การเสริมจมูกแบบปิดเป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกที่จะมีความบวมช้ำน้อย หรือในบางรายอาจไม่บวมหรือช้ำเลย
2.การเสริมจมูกแบบปิดเป็นการศัลยกรรมที่ใช้เวลาในการผ่าตัดที่น้อยและสั้น
3.การเสริมจมูกแบบปิด เป็นการศัลยกรรมที่มีราคาไม่สูง
ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบปิด
1.การเสริมจมูกแบบปิดจะไม่สามารถปรับโครงสร้างจมูกเพื่อแก้ไขปัญหาเดิมได้ ไม่เหมาะกับการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างจมูกที่ซับซ้อน เช่น จมูกสั้นเชิด จมูกงุ้มมาก
2.การเสริมจมูกแบบปิดจะไม่สามารถทำให้ทรงจมูกมีความโด่ง สูง และพุ่งขึ้นได้มาก
3.การเสริมจมูกแบบปิดจะไม่สามารถลดขนาดโครงจมูกหรือสันจมูก ให้มีขนาดเล็กลงได้
4.การเสริมจมูกแบบปิดเป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกที่มีความเสี่ยงในเรื่องของการมีจมูกที่ทะลุ เอียง เบี้ยว ในอนาคตได้
5.การเสริมจมูกแบบปิดไม่สามารถใช้ร่วมกับการเพิ่มเนื้อเยื่อหรือกระดูกหลังหูได้
ศัลยกรรมเสริมจมูกคืออะไร เสริมจมูกครั้งแรกควรรู้
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
แบบที่ 2 จะทำการผ่าตัดโดยการเปิดแผลด้านในทั้งสองฝั่ง เราจะเรียกการศัลยกรรมเสริมจมูกแบบนี้ว่าการ
“เสริมจมูกแบบกึ่งเปิด (Semi-Open Endonasal Rhinoplasty)”
การเสริมจมูกแบบกึ่งเปิดเป็นการศัลยกรรมเสริมจมูก ที่อยู่ระหว่างการเสริมจมูกแบบปิด และการเสริมจมูกแบบเปิด โดยวิธีการคือแพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณรูจมูกทั้ง 2 ข้าง เพื่อทำให้เห็นโครงสร้างของจมูกได้มากขึ้นมากกว่าการเสริมจมูกแบบปิด จุดเด่นของศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยเทคนิคการเสริมจมูกแบบกึ่งเปิดนี้สามารถเย็บตกแต่งอินเตอร์โดม รวมทั้งยังตกแต่งปลายจมูกให้มีความเรียวสวยมากขึ้นได้ด้วย
วิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาจมูกใหญ่ จมูกชมพู่ ที่มีความต้องการเพิ่มปลายจมูกเรียวสวย และยกปลายจมูกให้สูงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างจมูกในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง เนื่องจากใช้เวลาในการพักฟื้นที่น้อยกว่าแบบเปิด และสามารถซ่อนรอยแผลผ่าตัดได้ง่ายกว่าการเสริมจมูกแบบเปิดอีกด้วย
วิธีการเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด (Semi-Open Endonasal Rhinoplasty) ไม่ใช่วิธีที่มีการบัญญัติทางการแพทย์อย่างเป็นทางการ แต่เป็นเพียงวิธีการเปิดแผลเท่านั้น
วิธีการเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด (Semi-Open Endonasal Rhinoplasty)
1.แพทย์จะทำการผ่าตัดเปิดแผลภายในรูจมูกทั้ง 2 ข้าง รวมทั้งเปิดแผลที่เชื่อมต่อกันบริเวณ Columella
2.ตกแต่งบริเวณฐานจมูกเดิมที่ต้องการแก้ไข้ให้ได้รูปทรงที่ต้องการ
3.ทำการสอดซิลิโคนแท่งที่ถูกเหลาตกแต่งเป็นทรงเข้าไปด้านในบริเวณสันจมูกจนถึงปลายจมูก เข้าไปตามรอยแผลผ่าตัด
4.อาจเพิ่มเนื้อเยื่อ หรือกระดูกอ่อนหลังหูได้ตามความต้องการของคนไข้
5.หลังจากนั้นจึงจะทำการเย็บปิดแผลด้านในโพรงจมูก
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด
1.การเสริมจมูกแบบกึ่งเปิดเป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกที่ลดโอกาสการเอียงของจมูก และลดโอกาสจมูกไม่เท่ากัน รวมทั้งแก้โครงสร้างภายในได้อย่างตรงจุด
2.การเสริมจมูกแบบกึ่งเปิดเป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกที่ช่วยตกแต่งจมูกให้มีความสวยมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องเปิดแผลกว้าง สามารถซ่อนแผลไว้ด้านในรูจมูกได้
3.การเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด เป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกที่แก้ไขเรื่องจมูกบานได้
4.การเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด เป็นการศัลยกรรมที่ใช้เวลาผ่าตัดและพักฟื้นไม่นาน
5.การเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด เป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกที่สามารถยกอินเตอร์โดมเพื่อยกปลายจมูกได้
ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด
1.การเสริมจมูกแบบปิดจะไม่สามารถปรับแต่งโครงจมูกได้ใหม่ทั้งหมด
2.การเสริมจมูกแบบปิดจะไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องยืดผนังกั้นจมูก เลาะขูดสารเหลวออก
3.การเสริมจมูกแบบปิดจะไม่สามารถลดขนาดโครงจมูกหรือสันจมูก ให้มีขนาดเล็กลงได้
4.การเสริมจมูกแบบปิดเป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกที่มีความเสี่ยงเรื่องจมูกทะลุ เอียง เบี้ยว ในอนาคต
ศัลยกรรมเสริมจมูกคืออะไร เสริมจมูกครั้งแรกควรรู้
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
แบบที่ 3 จะทำการผ่าตัดโดยการเปิดแผลตรงการจมูกทั้งหมด เราจะเรียกการศัลยกรรมเสริมจมูกแบบนี้ว่าการ
“เสริมจมูกแบบเปิด (Open Endonasal Rhinoplasty)”
การเสริมจมูกแบบเปิดเป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกที่เป็นการผ่าตัดเสริมจมูกโดยการเปิดแผลในบริเวณใต้ฐานจมูก และกรีดผ่าเป็นเป็นแนวดิ่งให้ถึงเห็นแกนจมูก จากนั้นแยกให้ผิวหนังบริเวณนั้นออกจากโครงสร้างของจมูกเพื่อปรับทำการปรับโครงสร้างจมูก
และทำการสร้างรูปทรงจมูกที่ต้องการขึ้นมาใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาของจมูกได้อย่างแม่นยำ การผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยวิธีแบบเปิดโครงสร้างจมูกแบบนี้ จะทำให้แพทย์เห็นโครงสร้างจมูกภายในทั้งหมดได้อย่างชัดเจน และใช้ร่วมกับเทคนิคการปรับแต่งแก้ไขโครงสร้างจมูกวิธีต่างๆ ได้
วิธีการเสริมจมูกแบบเปิดเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นวิธีที่สามารถแก้ไขจมูกได้ถึงชั้นโครงสร้าง และปรับแต่งจมูกตามความต้องการได้เป็นอย่างดี เนื่องจากวิธีนี้เป็นวิธีที่ สามารถปรับจมูกให้ยาวขึ้น ปรับให้แกนจมูกตรงสวย โดยใช้กระดูกอ่อนหรือ เนื้อเยื่อสังเคราะห์อื่นๆ เป็นตัวช่วยทั้งยังแก้ไขปัญหาโครงสร้างจมูกได้โดยตรงไม่ว่าจะส่วนของสันจมูก แก้ไขฮัมพ์บริเวณจมูก จมูกเบี้ยว หรือ ตกแต่งส่วนของปลายจมูก ให้จมูกยาวขึ้น เชิดขึ้น มีความพุ่งของบริเวณปลายหรือ ทำให้ปลายจมูกเป็นหยดน้ำ ก็สามารถทำได้เช่นกัน
ลักษณะของจมูกที่เหมาะแก่การ เสริมจมูกแบบเปิด ได้แก่
1.ผู้ที่มีเนื้อจมูกน้อย จมูกสั้น จมูกหมู จมูกไม่มีหยดน้ำ
2.ผู้ที่จมูกฮัมพ์สูงหรือปลายจมูกงุ้ม (Polly beak Deformity)
3.ผู้ที่ต้องการมีจมูกที่มีความยาวมากขึ้น
4.ผู้ที่มีปัญหาปลายจมูกหนา ใหญ่ จมูกกว้าง รวมถึงมีจมูกเป็นทรงชมพู่ ไม่ได้สัดส่วน
5.ผู้ที่มีปัญหากระดูกจมูกเบี้ยวคดหรือผิดรูป
6.ผู้ที่ต้องการเสริมปลายจมูกให้มีความโด่งพุ่ง
7.ผู้ที่มีแกนกลางจมูกเอียง หรือมีรูจมูกไม่เท่ากัน
8.ผู้ที่มีปัญหาทางเดินหายใจ ที่ต้องการแก้ไข
วิธีการเสริมจมูกแบบเปิด (Open Endonasal Rhinoplasty)
1.แพทย์จะทำเปิดแผลทั้งหมดบริเวณตรงกลางจมูกโดยการเปิดแผลใต้ฐานจมูก และผ่าแผลเป็นแนวดิ่งจนเห็นแกนจมูก และแยกผิวหนังออกจากโครงสร้างของจมูกเพื่อปรับโครงสร้างจมูก เพื่อเข้าไปแก้ไขโครงสร้างจมูกข้างในโดยตรง
2.เลาะไขมันปริเวณปลายจมูก (Defatting) เพื่อปรับให้จมูกมีความเรียวเล็กลง ในกรณีที่มีเนื้อจมูกเยอะ มีปลายหนา และต้องการลดขนาดจมูก
3.หากมีปัญหาที่โครงสร้างจมูกแพทย์จะทำการ ตอกตกแต่งฐานจมูก ตัดฮัมพ์ที่นูนออกมา ตะไบฮัมพ์ แต่งฐานกระดูก หรือใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อทำให้จมูกมีความสวยงามยิ่งขึ้น
4.Extension graft / strut graft ยืดผนังกั้นจมูก ตั้งแกนกลางจมูก เพื่อเพิ่มความแข็งแรงปลายจมูก และเพื่อให้ได้ความโด่งของปลายจมูกพุ่งสวย Ipplasty (ตกแต่งปลายจมูก) ตัดแต่งลดขนาดกระดูกอ่อน ยกย้ายปลายจมูก มัดปลายจมูกให้เรียวสวย ด้วยการ เย็บอินเตอร์โดม สร้างปลายใหม่ ด้วยกระดูกอ่อน หรือไขมันตัวเอง
5.ใส่ซิลิโคน ที่แพทย์ได้ทำการเหลา โดยจะเหลาเป็นลักษณะซิลิโคนรูปตัว L หรือ I ตามความเหมาะสม เพื่อให้รับกับใบหน้า
6.ใส่ซิลิโคน ที่แพทย์ได้ทำการเหลา โดยจะเหลาเป็นลักษณะซิลิโคนรูปตัว L หรือ I ตามความเหมาะสม เพื่อให้รับกับใบหน้า
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบเปิด
1.การเสริมจมูกแบบเปิดเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาจมูกผิดรูปมาก
2.การเสริมจมูกแบบเปิดเป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกที่สามารถแก้ไขปัญหาได้แทบทุกรูปแบบ อย่างตรงจุด
3.การเสริมจมูกแบบเปิดสามารถทำได้หลายทรง โดยทำได้ทั้งทรงจมูกผู้ชายและทรงจมูกผู้หญิง เช่น ทรงหยดน้ำ, ทรงจมูกสโลปปลายพุ่ง, ทรงจมูกเกาหลี, ทรงบาร์บี้ไลน์ อย่างเป็นธรรมชาติ
4.การเสริมจมูกแบบเปิดเป็นวิธีที่แพทย์สามารถมองเห็นโครงสร้างภายในจมูกได้อย่างชัดเจน
5.การเสริมจมูกแบบเปิดแพทย์แก้ปัญหาโครงสร้างจมูกไม่ว่าจะสามารถตะไบหรือตอก ฮัมพ์ ( Humpectomy ) ได้แม่นยำ รวมทั้งแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนเช่น ปัญหาพังผืด จมูกบิดเบี้ยว รูปทรงไม่ได้ตามต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6.การเสริมจมูกแบบเปิดสามารถปรับแก้กระดูกคดและกระดูกโป่ง ที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิดหรือจากอุบัติเหตุ กระดูกจมูกหัก ( Twisted nose ,Crooked nose deformity, External deviated nose ) ได้เป็นอย่างดี โดยการตอกกระดูกจมูก ( Osteotomy )และการเย็บปรับแต่งให้ผนังกั้นจมูกตรงขึ้น ( Clocking suture )
ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบเปิด
1.การเสริมจมูกแบบเปิดปิดจะไม่สามารถปรับแต่งโครงจมูกได้ใหม่ทั้งหมด
2.การเสริมจมูกแบบปิดจะไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องยืดผนังกั้นจมูก เลาะขูดสารเหลวออก
3.การเสริมจมูกแบบปิดจะไม่สามารถลดขนาดโครงจมูกหรือสันจมูก ให้มีขนาดเล็กลงได้
4.การเสริมจมูกแบบปิดเป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกที่มีความเสี่ยงเรื่องจมูกทะลุ เอียง เบี้ยว ในอนาคต
5. การเสริมจมูกแบบเปิดขั้นตอนการทำซับซ้อน ใช้เวลาในการผ่าตัดนาน
6.การเสริมจมูกแบบเปิดอาจมีแผลผ่าตัดภายนอกที่มองเห็นได้บริเวณด้านหน้าจมูก ( Columellar incision )
7.การเสริมจมูกแบบเปิดมีการใช้ยาสลบในการผ่าตัด
8.การเสริมจมูกแบบเปิดค่าใช้จ่ายที่สูง
9.การเสริมจมูกแบบเปิดแพทย์ที่ทำการผ่าตัดจะต้องเป็นแพทย์เป็นผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
10.การเสริมจมูกแบบเปิดเป็นการศัลยกรรมใช้เวลาพักฟื้นนาน
ข้อควรระวัง การเสริมจมูกแบบเปิด
1.ควรเลือกคลินิกที่เข้ารับการศัลยกรรมเสริมจมูกที่มีความน่าเชื่อถือ สถานที่สะอาดถูกหลักอนามัย
2.ควรเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญมีประสบการณ์ในการศัลยกรรมเสริมจมูกแบบเปิดสูง
3.เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน เช่นจมูกเบี้ยว เอียง ทรงจมูกไม่ได้รูป
4.จะให้ดีควรงดการสูบบุหรี่ก่อนทำการศัลยกรรมเสริมจมูก 6 เดือน และงดแอลกอฮอล์ อย่างต่ำ 2 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์หลังการทำจมูกที่ดีที่สุด เนื่องจากพิษของควันบุหรี่ ส่งผลให้เนื้อเยื่อจมูกหายช้า แผลผ่าตัดไม่สนิท รวมทั้งจมูกมักสร้างพังผืดรัดรั้งได้ง่าย และแอลกอฮอล์ทำให้แผลอักเสบ
ซิลิโคนที่ใช้ในการศัลยกรรมเสริมจมูกมีกี่แบบ
โดยปกติแล้วซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมจมูกจะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
1.ซิลิโคนแบบสำเร็จรูป
ซิลิโคนเสริมจมูกที่มีรูปทรงที่แน่นอน จะมีโอกาสที่เบี้ยวหรือเอียงน้อย ซิลิโคนประเภทนี้จะทำให้มีรูปทรงจมูกที่ชัดเจน ซิลิโคนแบบสำเร็จรูป เป็นซิลิโคนที่สะดวกต่อการใช้งานจึงทำให้ใช้เวลาในการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูกในแต่ละครั้งไม่นานโดยปกติแพทย์จะทำการปรับแต่งเพียงเล็กน้อย เพื่อปรับให้ซิลิโคนมีความเหมาะสมกับโครงหน้าของคนแต่ละบุคคลมากขึ้น แต่ซิลิโคนประเภทนี้ ก็อาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับคนไข้ทุกคน ทั้งยังเป็นซิลิโคนที่ต้องใช้ความชำนาญในการวาง หากแพทย์ไม่มีความชำนาญมากพอ อาจทำให้จมูกที่เสริมมาเสียทรงได้ง่าย
2.ซิลิโคนแบบแท่งหรือแบบเหลาเอง
ซิลิโคนเสริมจมูกที่มีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยมโดยวิธีการคือแพทย์จะนำซิลิโคนประเภทนี้มาเหลาด้วยตนเองเพื่อให้ได้รูปทรงที่เหมาะกับคนไข้และต้องใช้ทักษะรวมทั้งฝีมือของแพทย์ที่ค่อนข้างสูงจึงต้องเลือกแพทย์และสถานที่ให้บริการที่มีความชำนาญมาก หากทำโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญอาจทำให้ซิลิโคนผิดรูปเป็นขุยหรือมีความไม่เรียบได้ แต่ข้อดีก็คือสามารถปรับแต่งให้ดูเป็นธรรมชาติได้มาก
การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมเสริมจมูก
สิ่งสำคัญมากๆ ก่อนที่จะทำการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก คือการแจ้งให้แพทย์ทราบว่าท่านมีโรคประจำตัว แพ้ยา หรือรับประทานยาตัวใดอยู่บ้าง โดยเฉพาะยากลุ่มแอสไพริน หรือไอบิวโพรเฟน เพื่อให้ศัลยแพทย์ทราบประวัติและวางแผนการผ่าตัดอย่างปลอดภัย นอกจากนี้ควรดูแลสุขภาพของตนเองให้พร้อม เช่น
• งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
• งดรับประทานทานอาหารประเภทของหมักดอง
• งดอาหารทะเล
• งดทานวิตามินทุกชนิดก่อนการผ่าตัด เสริมจมูก
• งดแต่งหน้า และควรสระผมก่อนให้เรียบร้อยก่อนผ่าตัด
• รับประทานอาหารก่อนมาผ่าตัดได้ ไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร
การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก
• ช่วง 72 ชั่วโมง แรกหลังผ่าตัด ให้ประคบเย็นบริเวณหน้าแต่ไม่ใช่ในบริเวณแผล เพื่อช่วยเพื่อให้เลือดหยุดไหล และยุบบวมไวขึ้น ควรนอนศีรษะสูงเพื่อให้เลือดไม่คั่งในโพรงจมูก
• หากมีเลือดไหลออกมานั้นภายใน 1-2 วันหลังจากที่ได้เข้ารับการผ่าตัด ให้ใช้ ไม้พัน สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดออกเบาๆ พร้อมป้ายยาฆ่าเชื้อตามที่คลินิกจัดให้
• หลัง 72 ชั่วโมง แผลจะเริ่มสนิท สามารถประคบอุ่นเพื่อลดรอยม่วง เขียว ช้ำ
• งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และหยุดการสูบบุหรี่ ในช่วง 1เดือน เพราะมีผลต่อการสมานแผล
• ห้ามแคะ แกะ เกา หรือขยี้บริเวณจมูก หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาหนัก เนื่องจากเนื้อจมูกยังไม่แข็งแรง
• มีนัดตัดไหม 2 รอบ 7 และ 14 วัน หลังตัดไหม 14 วัน นับไปอีก 2 วัน ค่อยล้างหน้า ได้ตามปกติ
• ควรระมัดระวังการกดทับกระทบกระแทกที่บริเวณจมูก
สำหรับการศัลยกรรมเสริมจมูกแต่ละเทคนิค ไม่มีการตัดสินว่าวิธีใดดีกว่าวิธีใด ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล สำหรับผู้ที่มีความต้องการศัลยกรรมเสริมจมูก ควรแจ้งแพทย์ให้ชัดเจนว่ามีความต้องการทรงจมูกแบบไหน และพื้นฐานจมูกของเราต้องใช้การแก้ไขร่วมแบบใด จึงจะวิเคราะห์ได้ว่าเราเหมาะสมกับการศัลยกรรมเสริมจมูกในเทคนิคไหน ดังนั้น การเข้ารับการศัลยกรรมเสริมจมูกทุกครั้ง ควรแจ้งความต้องการกับแพทย์เพื่อได้รับการวินิจฉัยอย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นการผ่าตัดศัลยกรรม การทำแค่ครั้งเดียวย่อมดีกว่าการแก้เสมอ