ปลูกผมด้วยเทคนิค FUE เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่เสริมความมั่นใจอีกครั้ง
ผมเป็นสิ่งที่เพิ่มความมั่นใจให้กับคนเราเป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นส่วนที่เสริมสร้างบุคลิกภาพให้กับคนเราได้เป็นอย่างดี ใบหน้าจะดูสวย เข้ารูป ดูสว่าง หรือหมองคล้ำหรือดูโทรม ก็ขึ้นอยู่กับผมทั้งสิ้น แต่ในบางคนที่ผมเริ่มร่วง หรือผมบางความมั่นใจก็จะเริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนในบางคนถึงกับต้องใส่วิกผมปลอมหรือใส่หมวก เพื่อเสริมความมั่นใจแต่จะดีกว่าไหม หากการเสริมความมั่นใจนั้นเกิดขึ้นได้โดยตัวของเราเอง จากวิธีที่ไม่อันตราย และไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเช่นการเปิดผมด้วยเทคนิค FUE เทคนิคการปลูกผมที่ปลอดภัย ไม่อันตราย ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงอีกทั้งร่างกายยังไม่เกิดการต่อต้านอีกด้วย
ปลูกผมเทคนิค FUE หมดปัญหาศีรษะกว้าง ( คุณหมอเคน นพ.ศิวะดล เลิศพรภวิชญ์ )
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ภาพก่อนปลูกผมถาวร (FUE)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ภาพหลังปลูกผมถาวร (FUE)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ปลูกผมถาวร (FUE)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE (Follicular Unit Extraction) คือ วิธีการศัลยกรรมปลูกผมถาวรแบบย้ายเซลล์รากผมไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ โดยจะใช้หัวเจาะขนาดเล็ก 0.8-1.2 มม. เจาะลงไปรอบๆ กอผม ลึกลงไปถึงรากผมด้านล่าง จากนั้นแต่ละกอผมจะถูกดึงออกมาจากหนังศีรษะ ซึ่งการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE เป็นการปลูกผมเทคนิคมาตรฐานสากลที่ใช้ทั่วโลก ทั้งยังได้รับการยอมรับว่าเป็นเทคนิคที่ให้ผลเรื่องความสวยงาม ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุดรวมทั้งเมื่อผมงอกใหม่จะไม่หลุดร่วงซ้ำ โดยไม่ต้องตัดหนังศีรษะออกมาเป็นชิ้นยาวเหมือนเทคนิคเก่าๆ
ภาพก่อนปลูกผมถาวร (FUE)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ภาพหลังทำ 7 วัน ปลูกผมถาวร (FUE)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ภาพหลังทำ 14 วัน ปลูกผมถาวร (FUE)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE ถาวรถือว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาผมบางศีรษะล้านที่ได้ผลมากที่สุดการปลูกผมแบบ FUE จะปลูกถ่ายเซลล์รากผมไปในบริเวณที่ผมร่วงผมบาง หรือในพื้นที่ที่ต้องการ เมื่อผมงอกใหม่จะไม่หลุดร่วงแผลผ่าตัดมีขนาดเล็กมาก และไม่มีแผลไม่ต้องเย็บ โดยวิธีการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE แพทย์จะนำเครื่องมือไฟฟ้า หรือเครื่อง Motorized FUE Devices พร้อมกับหัวเจาะที่มีขนาดเล็ก เจาะลงไปรอบๆ บริเวณกอผมบริเวณท้ายทอย เนื่องจากรากผมบริเวณดังกล่าวเป็นรากผมที่มีความแข็งแรงมากกว่ารากผมบริเวณอื่นๆ ของศีรษะ เมื่อนำรากผมออกมาแล้วจะมีการนำรากผมดังกล่าวมาคัดเซลล์และแช่ในน้ำยาเพื่อรักษารากผม จึงนำรากผมจากท้ายทอยมาปลูกถ่ายลงในตำแหน่งที่ต้องการทีละราก เพื่อให้ผมที่งอกขึ้นมาใหม่แข็งแรงละสวยงามมากที่สุด
ปลูกผมถาวร (FUE)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE (Follicular Unit Extraction) คือ วิธีการศัลยกรรมปลูกผมถาวรแบบย้ายเซลล์รากผมไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ โดยจะใช้หัวเจาะขนาดเล็ก 0.8-1.2 มม. เจาะลงไปรอบๆ กอผมลึกลงไปถึงรากผมด้านล่าง จากนั้นแต่ละกอผมจะถูกดึงออกมาจากหนังศีรษะ ซึ่งการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE เป็นการปลูกผมเทคนิคมาตรฐานสากลที่ใช้ทั่วโลก ทั้งยังได้รับการยอมรับว่าเป็นเทคนิคที่ให้ผลเรื่องความสวยงาม ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุดรวมทั้งเมื่อผมงอกใหม่จะไม่หลุดร่วงซ้ำ โดยไม่ต้องตัดหนังศีรษะออกมาเป็นชิ้นยาวเหมือนเทคนิคเก่าๆ
การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE ถาวรถือว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาผมบางศีรษะล้านที่ได้ผลมากที่สุดการปลูกผมแบบ FUE จะปลูกถ่ายเซลล์รากผมไปในบริเวณที่ผมร่วงผมบาง หรือในพื้นที่ที่ต้องการ เมื่อผมงอกใหม่จะไม่หลุดร่วงแผลผ่าตัดมีขนาดเล็กมาก และไม่มีแผลไม่ต้องเย็บ โดยวิธีการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE แพทย์จะนำเครื่องมือไฟฟ้า หรือเครื่อง Motorized FUE Devices พร้อมกับหัวเจาะที่มีขนาดเล็ก เจาะลงไปรอบๆ บริเวณกอผมบริเวณท้ายทอย เนื่องจากรากผมบริเวณดังกล่าวเป็นรากผมที่มีความแข็งแรงมากกว่ารากผมบริเวณอื่นๆ ของศีรษะ เมื่อนำรากผมออกมาแล้วจะมีการนำรากผมดังกล่าวมาคัดเซลล์และแช่ในน้ำยาเพื่อรักษารากผม จึงนำรากผมจากท้ายทอยมาปลูกถ่ายลงในตำแหน่งที่ต้องการทีละราก เพื่อให้ผมที่งอกขึ้นมาใหม่แข็งแรงละสวยงามมากที่สุด
การทำงานของการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE จะมีความคล้ายคลึงกับการปลูกถ่ายอวัยวะ เนื่องจากเป็นการนำเซลล์รากผมที่มีความแข็งแรง (Stem Cell) มาปลูกถ่ายลงบนตำแหน่งใหม่ที่ต้องการบนหนังศีรษะ เมื่อปลูกถ่ายผมมาในระยะหนึ่งแล้วเซลล์ที่ทำการปลูกถ่ายลงไปใหม่จะยึดตัวให้ติดอยู่กับเนื้อเยื่อโดยรอบ
ทำให้ผมที่งอกขึ้นมาใหม่จากเซลล์ต้นกำเนิดติดอยู่ในบริเวณตำแหน่งที่มีผมร่วงหรือผมบางตามที่เราต้องการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE จึงจัดได้ว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยมาก เนื่องจากเป็นการใช้เซลล์รากผมของตัวเองในการปลูกถ่ายซึ่งเป็นเซลล์จากร่างกายของผู้เข้ารับการรักษา จึงไม่ทำให้ร่างกายเกิดการปฏิเสธเซลล์ หรือก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE จะเรียกผมเป็นกราฟอธิบายความหมายของคำว่ากราฟให้เข้าใจได้โดยง่ายดังนี้
กราฟผมคือ กอรากผมหรือเนื้อเยื่อของผม โดยการปลูกผมต่อ 1 กราฟจะมีผมอยู่ 1-4 เส้น 1 กราฟจะปลูกได้ 1 ตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งจำนวนกราฟที่ใช้ในการปลูกผมของแต่ละคนจะมีจำนวนที่ไม่เท่ากัน โดยจะใช้มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคนหรือการประเมินของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
จึงมีความจำเป็นที่การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE จะต้องให้แพทย์ทำการประเมินก่อนเข้ารับบริการว่าศีรษะของผู้เข้ารับบริการมีลักษณะที่ล้านแบบใด และต้องใช้ปริมาณกราฟในการปลูกถ่ายจำนวนเท่าใด
ปลูกผมถาวร (FUE)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
รูปแบบศีรษะล้านในแต่ละประเภท
1.รูปแบบ A เป็นลักษณะศีรษะล้านที่จะเริ่มจากการที่ผมร่วงบริเวณหน้าผากและค่อยๆ เว้าไปเรื่อยๆ จนถึงกลางศรีษะ
2.รูปแบบ O เป็นลักษณะศีรษะจะเริ่มมีการผมร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งส่วนมากเราจะเรียกศีรษะล้านแบบนี้ว่า ศีรษะล้าน แบบไข่ดาว ซึ่งเป็นลักษณะ ศีรษะล้านที่พบมากในผู้ชายโดยส่วนใหญ่ และศีรษะล้านในลักษณะนี้มักเกิดขึ้นจากพันธุกรรม โดยลักษณะศีรษะล้านแบบไข่ดาวนี้ผมจะเริ่มร่วงจากกลางศีรษะและแผ่ขยายไปเรื่อยๆจนล้านได้เกือบหมดทั้งศีรษะ จะเหลือไว้เพียงผมบริเวณท้ายทอยเท่านั้นที่ยังมีผมขึ้นดีอยู่
3.รูปแบบ M เป็นลักษณะศีรษะล้านในลักษณะนี้มีผมที่เริ่มร่วงจากด้านหน้าทั้งสองข้างค่อยๆ เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M จะพบได้ในผู้ชายตั้งแต่อายุยังไม่มากเริ่มตั้งแต่วัย 18 ปีขึ้นไปผมก็จะสามารถผมร่วง และจะเริ่มผมร่วงมากขึ้นเรื่อยๆ จนอายุ 30 ปีโดยประมาณ Hair Line ก็จะเริ่มเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีลักษณะเป็นตัว M
4.รูปแบบ O กับ M เป็นลักษณะศีรษะล้านแบบที่รวมทั้งสองประเภทเข้าไว้ด้วยกัน จัดเป็นศีรษะล้าน ที่มีอาการผมร่วงเยอะที่สุด และการรักษาผมร่วงนั้นทำได้ยากที่สุดโดยผมจะเริ่มร่วงมากขึ้น และมากขึ้นไปเรื่อยๆ ตามอายุที่มากขึ้นนั่นเอง
สามารถแบ่งระยะพื้นที่ความกว้างของศีรษะคร่าวๆ ได้ดังนี้
• ระยะที่ 0 นับเป็นระยะที่ยังสามารถควบคุมการร่วงของผมได้ ผู้ที่ศีรษะเริ่มเถิกขึ้นแบบระยะที่ 1 ยังไม่นับว่าศีรษะล้านเพียงแค่ผมเริ่มร่วงเท่านั้น ดูไม่ออกจากสายตา
• ระยะที่ 1 จะเริ่มมีแนวผมด้านหน้าเริ่มมีการถอยร่นเข้าไปเพียงเล็กน้อย โดยทั่วไปจะเป็นที่บริเวณขมับทั้ง 2 ข้าง
• ระยะที่ 2 โดยทั่วไปอาการผมร่วงจะเริ่มเห็นได้ชัดในระยะที่ 3 ซึ่งจะแบ่งย่อยเป็น 2 รูปแบบ คือ
– แนวผมและขมับทั้ง 2 ข้างเริ่มเถิกขึ้นไปด้านบนกว้างคล้ายตัว M มากขึ้น
– นอกจากขมับจะเถิกมากขึ้นแล้วผมบริเวณกลางกระหม่อมจะเริ่มบางลงเห็นเป็นจุดเล็กๆ บนกลางศีรษะ
• ระยะที่ 3 การที่ศีรษะเริ่มร่นมาถึงระยะนี้ จะสังเกตเห็นว่ามีอาการผมร่วงจะมีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนแนวผมและแนวขมับเถิกมากขึ้น จุดที่บางกลางกระหม่อมมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ยังคงมีผมอยู่ในบริเวณด้านบน และแนวผมที่เถิกด้านหน้า
• ระยะที่ 4 ระยะนี้มีลักษณะคล้ายกับระยะที่ 3 แต่จะมีความรุนแรงมากกว่า แนวผม ขมับทั้งสองข้างยังคงเถิกขึ้นไปเรื่อยๆ และช่วงรอยต่อผมระหว่างแนวผมด้านหน้าและจุดหัวล้านด้านบนจะบางกว่าระยะก่อนหน้านี้อย่างมาก
• ระยะที่ 5 แนวผมที่เถิกด้านหน้า และบริเวณศีรษะล้านกลางกระหม่อมขยายมาชนกัน
• ระยะที่ 6 ระยะนี้หัวจะล้านเตียนทั้งหัว จะมีผมเหลืออยู่แค่บริเวณด้านข้างเหนือหูและด้านหลังเท่านั้น
สามารถประเมินจำนวนกราฟในการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE ได้ดังนี้
• พื้นที่ 1 ใช้ประมาณ 500 – 800 กราฟท์
• พื้นที่ 2 ใช้ประมาณ 1000 – 1200 กราฟท์
• พื้นที่ 3 ใช้ประมาณ 1200 – 1500 กราฟท์
• พื้นที่ 4 ใช้ประมาณ 1000 – 1200 กราฟท์
• พื้นที่ 5 ใช้ประมาณ 1500 กราฟท์
• พื้นที่ 6 ใช้ประมาณ 1500 – 1800 กราฟท์
หากหน้าผากเริ่มเถิก ร่นขึ้นไปในพื้นที่ ที่ 1 จะใช้จำนวน 500 กราฟ หากเป็นทั้ง 2 ข้างจะรวมกันเป็น 1,000 กราฟ
หากเพิ่มเป็นระยะที่สอง ให้นำบริเวณพื้นที่ ที่หนึ่ง รวมกับพื้นที่ ที่ 2 ก็จะรวมเป็น 1,000+1,500 จะเท่ากับ 2,500 กราฟ
โดยสามารถบวกเพิ่มได้ตามพื้นที่ ที่ประสบปัญหานั่นเอง แต่ทั้งหมดทั้งมวล ก่อนทำการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินก่อนทุกครั้ง ตามความเหมาะสมต่อปัญหาที่แต่ละบุคคลเป็น
ปลูกผมถาวร (FUE)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ข้อดีของการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
• คุณภาพของกราฟผมในการปลูกสูงถึง 80-90%
• รอยแผลจากการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE ด้านหลังจะเป็นจุดเล็กๆ ขนาดประมาณ 1 mm.
• การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE แผลหายได้อย่างรวดเร็วรอยแผลแทบมองไม่เห็น
• การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE สามารถไว้ผมสั้นได้
การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE เหมาะกับใครบ้าง
• การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE เหมาะกับผู้ที่มีศีรษะล้าน
• การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE เหมาะกับผู้ที่มีหน้าผากกว้าง
• การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE เหมาะกับผู้ที่มีหน้ากว้างที่ต้องการให้หน้าให้แคบลง
• การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE เหมาะกับผู้ที่มีผู้หญิงที่มีแนวเส้นผมคล้ายผู้ชายด้วยผมบาง
• การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE เหมาะกับผู้ที่ต้องการปลูกผมเพื่อปรับกรอบหน้า
• การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE เหมาะกับผู้ที่ต้องการปกปิดรอยแผลเป็นที่ศีรษะ
• การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE เหมาะกับผู้ที่มีผมร่วงและผมบางที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการรักษาที่สาเหตุ หรือใช้ยาเพียงอย่างเดียว
ปลูกผมถาวร (FUE)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการทำการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
1.งดรับประทานวิตามิน สมุนไพร อาหารเสริม อย่างน้อย 7 วันก่อนการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
เนื่องจากสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ดังนั้นเมื่อเกิดการกระทบกระเทือนจะทำให้เลือดออกง่ายมากกว่าสภาวะปกติ
ยาบางชนิดมีส่วนให้เกิดการเลือดออกง่ายและหยุดยาก เช่น ยากลุ่มแอสไพริน ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เป็นต้น ทั้งนี้หากมีโรคประจำตัวที่ต้องใช้ยาประเภทนี้อย่างต่อเนื่องควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาพิจารณาก่อนว่าสามารถหยุดยาได้หรือไม่
2.งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดอย่างน้อย 5-7 วันก่อนการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
3.งดดื่มชาและกาแฟ 1 วันก่อนการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
4.ควรสวมใส่เสื้อเชิ้ตที่มีกระดุมด้านหน้า เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนเสื้อในการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE และหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดนบริเวณที่ทำการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
5.ตรวจเลือด (ผลเลือดต้องไม่เกิน 3 เดือน)
• CBC(complete blood count) เป็นการตรวจปริมาณและลักษณะของเม็ดเลือดทั้งสามชนิด ได้แก่ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด
• PT(prothrombin time), PTT partial thromboplastin time) เป็นการเจาะเลือดเพื่อหาสาเหตุของโรคเลือดออกง่าย หรือหยุดยาก โดยมากมักจะตรวจอย่างอื่นร่วมด้วย
• HIV(Anti-HIV Testing) การตรวจภูมิคุ้มกันของร่างกาย
• HBsAg (Hepatitis B surface Antigen) เป็นการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
• HCV (Hepatitis C Virus) เป็นภูมิที่บอกว่ามีหรือเคยมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
• VDRL/SYPHILIS (Venereal Disease Research Laboratory test) เป็นการตรวจเลือดเพื่อคัดกรองโรคซิฟิลิสทั้งในระยะแรกปฐมภูมิและทุติยภูมิ
ปลูกผมถาวร (FUE)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ขั้นตอนการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
1.แพทย์จะออกแบบและวาดแนวผมบริเวณที่ต้องการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
2.ตัดผมบริเวณด้านหลังให้สั้นเพื่อสะดวกในการผ่าตัด
3.ให้คนไข้นอนคว่ำและฉีดยาชาที่ศีรษะด้านหลัง
4.นำเซลล์รากผมออกมาจากผมด้านหลัง
5.คัดแยกเซลล์ผมที่แข็งแรง
6.แช่ไว้ในน้ำยาเพื่อเลี้ยงเซลล์ให้รากผมที่มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น
7.นำเซลล์รากผมมาปลูกที่บริเวณที่เลือกไว้
8.พันผ้าก๊อซเพื่อป้องกันอาการบวมหลังจากการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
9.ใส่หมวกผ้าเพื่อป้องฝุ่นละอองไม่ให้สัมผัสกราฟผมที่ปลูก
ไม่ควรถอดผ้าก็อตที่ Rassapoom Clinic ใช้พันศีรษะผ้าคาดศีรษะให้ขณะที่ทำการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE ออก ในช่วยเวลา 48 ชั่วโมง เนื่องจากในขั้นตอนการปลูกผมนั้นจะมีการฉีดยาชาจึงอาจทำให้มีเลือดคั่งในบริเวณที่ทำการปลูกผมอยู่บ้าง เมื่อเวลาผ่านไป เลือด น้ำเหลืองรวมทั้งยาชาที่ทำการฉีดเข้าไปก่อนหน้านี้จะไหลจากบนศีรษะเข้าสู่ใบหน้า ส่งผลให้ใบหน้าบวมได้
หากพันผ้าก๊อซเอาไว้เลือด น้ำเหลืองและจะยาชาจะอยู่บริเวณศีรษะและจะค่อยๆ แห้งไปเอง โดยจะไม่ส่งผลให้หน้าบวมแบบในกรณีแรก ทั้งนี้ เพื่อการใช้ชีวิตที่ง่ายขึ้นรวมทั้งยังลดความกังวลควรปฏิบัติตามในขั้นตอนนี้อย่างเคร่งครัด
ปลูกผมถาวร (FUE)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
อาการหลังการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
1.อาจมีอาการคันและบวมหลังจากการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
2.การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE เป็นแผลเล็กจึงสามารถทำให้เกิดอาการคันและอาการบวมได้ โดยอาการคันจะพบได้ใน 2-3 วันหลังจากปลูกผมเสร็จ ไม่ควรเกา แกะ แคะ หรือบริเวณแผล เพราะอาจทำให้กราฟผมหลุดออกมาได้ หากคันหรือเจ็บหนังศีรษะควรลูบเบาๆ หรือใช้ยาทาเพื่อบรรเทาอาการคัน สำหรับอาการบวมจะสามารถหายไปได้เองใน 7 วันหลังปลูกผม สามารถใช้ที่ประคบเย็นประคบเพื่อลดอาการบวมได้
3.จะมีอาการผมร่วงหลังการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE 1 เดือน โดยประมาณ
4.การย้ายรากผมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จากผมที่อยู่ในระยะเติบโตเปลี่ยนไปเป็นผมระยะหลุดร่วงพร้อมๆ กัน จึงทำให้เกิดภาวะหลังปลูกผมได้ โดยผมบริเวณที่ย้ายมาปลูกและผมบริเวณข้างเคียงอาจเกิดอาการผมร่วงได้ แต่อาการผมร่วงนี้เป็นแค่อาการชั่วคราว เมื่อเวลาผ่านไปผมที่หลุดร่วงจะกลับมางอกใหม่อีกครั้ง
5.ภาวะผมร่วงนี้จะเกิดได้ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ ไปจนถึง 3 เดือน หลังจากนั้นผมก็จะค่อยๆ เริ่มงอกขึ้นมาใหม่ สำหรับผลลัพธ์หลังปลูกผมจะเริ่มเห็นแบบชัดเจนหลังจากปลูกผม 1 ปี
การดูแลตัวเองหลังการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
• หลังการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE ชั่วโมงหลังการปลูกผม ห้ามสัมผัสบริเวณกราฟทำการปลูกผมโดยเด็ดขาดและห้ามก้มหัวห้ามนอนตะแคงและนอนคว่ำเพราะจะทำให้หน้าบวม
• หลังการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE จะมีบวมควรนอนหงายหรือนอนตะแคงเพื่อไม่ให้กราฟผมหลุดออก และควรใช้ที่คาดศีรษะหรือหมอนรองคอเพื่อประคองให้แผลกระทบหรือเสียดสีกับหมอนน้อยที่สุด รวมถึงยังช่วยป้องกันการกดทับของแผลบริเวณท้ายทอย
• หลังการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ความดันในร่างกายเพิ่มขึ้น กระตุ้นหลอดเลือดให้ขยายตัวจนเลือดไหลออกง่าย
• หลังการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE ควรหลีกเลี่ยงการเช็ด ถู เกา บริเวณแผล และห้ามแกะสะเก็ดแผลโดยเด็ดขาด 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้เลือดออกหรือแผลติดเชื้อและรากผมที่ปลูกไว้อาจหลุดออกมาได้
• หลังการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE ควรหลีกเลี่ยงการให้ศีรษะถูกแสงแดดโดยตรงเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ หากต้องออกจากบ้านแนะนำให้สวมหมวกผ้าที่มีความโปร่ง ไม่อับ ไม่รัดหรือกดทับแผลและห้ามสวมหมวกกันน็อคทับบริเวณแผล
• หลังการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE ควรงดว่ายน้ำและควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก อย่างเช่น ออกกำลังกายหนักจนมีเหงื่อออก การไปในที่ที่แออัดมีฝุ่นควันเยอะ 1 เดือน
• หลังการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE ควรงดออกกำลังกาย งดยกของหนัก งดกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก 1 เดือน
• หลังการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE ควรงดการทำสีผม ดัด ยืด ย้อมขั้นต่ำ 3 เดือน เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนรากผม
• ไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม สามารถใช้ได้หลังจากปลูกผมด้วยเทคนิค FUE 1 ครบเดือนไปแล้ว
ปลูกผมถาวร (FUE)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
วิธีทำความสะอาดแผลและสระผมหลังการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
การสระผมหลังการปลูกผม การสระผมหลังการปลูกผมมีส่วนสำคัญที่จะทำให้การปลูกผมประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะหลังการผ่าตัดปลูกผมสัปดาห์แรกคุณควรระวังให้มาก การดูแลที่คำนึงถึงเพื่อให้ได้ผมใหม่เพิ่มกระบวนการรักษาหลังจากขั้นตอน
1.วันหลังการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
• สามารถใช้น้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดบริเวณโดยรอบ หรือไซริงค์ดูดน้ำเกลือฉีดล้างทั้งด้านหน้าที่ปลูกกราฟผมและแผลด้านหลัง
• ใช้ไดร์ ลมเย็นเป่าให้แห้ง หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าซับ
• ใช้สําลีชุบเบตาดีนแล้วทาที่แผลด้านหลังของศีรษะ
• ปิดผ้าก็อซธรรมดาแล้วใช้ผ้ายืดพันแผลพันไว้สัก 1-2 รอบ ใส่หมวกผ้าคลุมปกติ
2.วันหลังการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
• สระผมด้วยสูตรอ่อนโยนหรือใช้แชมพูเด็ก โดยตีแชมพูให้เป็นฟอง แล้วค่อยๆ นำมาแตะๆ ลงที่บริเวณที่ปลูกกราฟผม ส่วนด้านหลังของแผลใช้การลูบเบาๆห้ามแคะแกะเกาโดยเด็ดขาด ทั้งบริเวณที่ปลูกกราฟผมด้านหน้าและด้านหลัง สระเสร็จแล้วใช้ผ้าก๊อซซับแผลด้านหลังเบาๆ แล้วใช้ไดร์เป่าลมเย็นให้แห้ง
• ทาเบตาดีนที่แผลด้านหลังอีก 1 วัน
• ถ้าไม่มีอาการบวมมาก ไม่ต้องจำเป็นต้องพันผ้าก๊อซธรรมดาและผ้ายืดสีขาวแต่ถ้ามีอาการบวมสามารถพันผ้าก๊อซธรรมดาและผ้ายืดสีขาวได้
• ใส่หมวกผ้าคลุม
ปลูกผมถาวร (FUE)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ขั้นตอนการสระผมหลังการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
• ให้ใช้น้ำในอุณหภูมิปกติล้างบริเวณทำการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE ระวังอย่าให้น้ำแรงจนเกินไป เพราะรากผมอาจหลุดออกไปได้
• ใช้แชมพูเด็กในการสระผมเท่านั้น โดนเทแชมพูลงบนฝ่ามือ ถูเพื่อให้เกิดฟองก่อนชโลมโดยการใช้ฝ่ามือแตะเบาๆ ที่บริเวณหนังศีรษะบริเวณที่ทำการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE โดยในขั้นตอนนี้ห้ามนวดหรือถู ให้ทิ้งไว้ 2-3 นาทีเพื่อให้ฟองแชมพูละลายสิ่งสกปรกบนศีรษะออกไปเอง
• ให้ล้างออกด้วยน้ำเบาๆ
• ไม่ควรใช้ครีมนวดผมหากใช้ ให้ใช้แค่บริเวณผมเท่านั้น
• ทำให้ผมแห้งโดยการซับเบาๆ หรือใช้เครื่องเป่าผมที่ตั้งในระดับเบา รวมทั้งเป็นลมเย็นเป่าให้แห้ง ห้ามใช้ลมร้อนโดยเด็ดขาด เนื่องจากความร้อนมีผลต่อรากผมที่ปลูกขึ้นมาใหม่
• หากบริเวณแผลผ่าตัดมีสะเก็ดที่เกิดจากเลือดและน้ำเหลืองมากเกินไปให้ใช้น้ำมันมะกอกชะโลมบริเวณที่เป็นสะเก็ด ทิ้งไว้ก่อนสระผม 10 นาทีเพื่อให้สะเก็ดเหล่านั้นหลุดออกได้ง่ายเมื่อสระผมแต่วิธีนี้จะทำได้ก็ต่อเมื่อครบวันที่ 7 แล้วเท่านั้น ไม่ควรที่จะทำในระยะเวลาก่อนหน้านั้นเป็นอย่างยิ่ง
• สามารถสระผมได้ตามปกติหลังจากการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE