โปรแกรมรักษาข้อเข่าเสื่อม Knee Osteoarthritis

Knee Osteoarthritis

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ

เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ข้อเข่าเสื่อม … ภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม กันก่อนแก้ โดยไม่ต้องผ่าตัด

ข้อเข่าเสื่อม สัญญาณอันตราย รักษาง่าย ไม่ต้องผ่าตัด

    เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของเราก็เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา สัญญาณเตือนโรคภัยและอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เริ่มแสดงให้เห็นมากขึ้น ทั้งอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ความฝืดของข้อเข่า และการเคลื่อนไหวที่ไม่สะดวกเหมือนเคย ก็อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ แต่หนึ่งในโรคที่ไม่ควรมองข้ามเลยนั้นก็คือ โรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งเป็นภัยเงียบ ที่คลืบคลานเข้ามากระทบกับวิถีชีวิตประจำวัน หากไม่ได้รับการดูแลหรือรักษาอย่างถูกวิธี อาการอาจรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การเคลื่อนไหว และการใช้ชีวิตประจำวันของคุณได้  
    แต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ที่มีอายุเท่านั้นที่จะมีปัญหาปวดข้อเข่า หรือมีอาการข้อเข่าเสื่อม แต่สามารถพบได้บ่อยขึ้นในวัย 30+ 40+ 50+ โดยเฉพาะวัยกลางคน ซึ่งสาเหตุไม่ได้เกิดจากอายุ แต่อาจจะเกิดจากน้ำหนักตัวเกิน สรีระและโครงสร้างของร่างกาย การใช้ข้อเข่าที่ผิดวิธี การออกกำลังกายที่ผิดท่า จนทำให้เกิดปัญหาข้อเข่าเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกตินั้นเอง 

     ถึงแม้ว่า โรคข้อเข่าเสื่อม จะฟังดูเป็นปัญหาสุขภาพที่น่ากลัว และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต แต่ความเป็นจริงแล้วนั้น หากคุณรู้เท่าทันและเริ่มดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ โรคนี้สามารถป้องกันและรักษาได้โดยไม่ต้องผ้าตัดที่ Rassapoom Clinic เรามีทีมแพทย์เฉพาะทางพร้อมดูแลข้อเข่าของคุณด้วยวิธีการรักษาที่ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่คุณวางใจได้ เพื่อให้คุณกลับมาใช้ชีวิตอย่างคล่องตัวและมั่นใจอีกครั้ง! ดังนั้นการป้องกันและการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ คือหัวใจสำคัญ อย่ารอช้าให้สายจนเกินไป

โรคข้อเข่าเสื่อมคืออะไร?

     โรคข้อเข่าเสื่อม  (Knee Osteoarthritis)  คือโรคที่เกิดจากการเสื่อมสภาพ หรือการสึกหรอ ของกระดูกอ่อนในข้อเข่า  ซึ่งกระดูกอ่อนบริเวณนี้ในภาวะปกติทำหน้าที่ช่วยในการเคลื่อนไหวของข้อที่เรียบลื่น ไม่ติดขัดรวมไปถึงการทำหน้าที่รองรับน้ำหนักของร่างกาย  เมื่อโครงสร้างกระดูกอ่อน และกระดูกบริเวณใกล้ข้อมีการสึกหรอและเสื่อมลงตามอายุจะทำให้กระดูกที่อยู่ใต้กระดูกอ่อนเสียดสีกัน ทำให้เกิดการอักเสบ ปวดเข่า เข่าบวม ข้อยึดติดหรือแม้กระทั่งข้อเข่าผิดรูปในระยะสุดท้าย โดยจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ หัวเข่าก็จะผิดรูป และไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ 

     ในกรณีที่โรคข้อเข่าเสื่อมรุนแรงขึ้น ผิวข้อจะขรุขระ เกิดกระดูกงอกบริเวณข้อ และทำให้ข้อเข่าผิดรูป ทำให้เกิด ขาโก่งออก (Bow Legs) หรือขาโก่งเข้า (Knock Knee)ในบางกรณี หากเรามีการสังเกตุตัวเองและรู้อาการเริ่มต้น การเกิดข้อเข่าเสื่อมสภาพ หรือเริ่มมีสัญญาณเตือนการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม ต้องเร่งเข้ารับการรักษาก่อนที่อาการจะลุกลาม วันนี้ Rassapoom Clinic มีวิธีการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม แบบไม่ต้องผ่าตัด

สาเหตุที่ทำให้เกิดข้อเข่าเสื่อม

สาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม

ก่อนจะมาดูวิธีการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม เรามาดูกันว่าสาเหตุใดที่ทำให้เกิดโรคเจ้าปัญหานี้กันค่ะ 

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น: เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยมากที่สุด 
  • น้ำหนักตัวมากเกินกว่าเกณฑ์: ภาวะน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วน ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้เช่นกัน เนื่องจากข้อเข่าจะต้องมีการรับน้ำหนักที่หนักเกินไป
  • การใช้งานบริเวณข้อเข่าอยากหนัก: เช่นการยกของหนัก การนั่งบนพื้น พับเพียบ นั่งยอง เป็นเวลานาน และติดต่อกัน
  • ผู้ที่มีพันธุกรรมของโรคข้อเข่าเสื่อม
  • เคยประสบอุบัติเหตุ ที่เกิดขึ้นในบริเวณเข่า เช่น กระดูกหัก กระดูกสะบ่าเข่าหัก
  • ผู้ที่มีโรคข้ออักเสบเรื้อรัง เช่นโรครูมาตอยด์ โรคเก๊าท์ ข้อเข่าติดเชื้อเป็นต้น
  • ความบกพร่องส่วนประกอบของข้อ เช่นมีอาการกล้ามเนื้อต้นขาอ่อนแรง

การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม แบบไม่ต้องผ่าตัด

สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับอาการปวดเข่า เข่าบวม หรือเข้าข่ายเป็น โรคข้อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis) อย่ารอให้ปัญหาลุกลามจนต้องพึ่งการผ่าตัด เพราะการเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยชะลอความเสื่อม และบรรเทาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ Rassapoom Clinic เราได้พัฒนาเทคโนโลยีและวิธีการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยไม่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากการผ่าตัด มาดูกันเลยว่าเรามีวิธีการรักษาอะไรที่ช่วยรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมมีเทคนิคอะไรบ้าง

การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม แบบไม่ต้องผ่าตัด

1. การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วย การฉีดเกร็ดเลือด PRP

  • การฉีดเกร็ดเลือด PRP รักษาโรคข้อเข่าเสื่อมคืออะไร?
    การฉีดเกร็ดเลือด PRP ถือเป็นการรักษาที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และยังสารพัดประโยชน์ในการรักษาโรค รวมไปถึงการรักษาข้อเข่าเสื่อมได้อีกด้วย
    –  การฉีดเกล็ดเลือด PRP เพื่อรักษาข้อเข่าเสื่อม ด้วยการฉีดเกล็ดเลือดเข็มข้น (Platelet – rich Plasma)
    โดยเป็นการนำเลือดของคนไข้เองมาปั่นสกัดแยกเอาเม็ดเลือดแดงออก จนได้เป็นเกร็ดเลือดพลาสมาเข็มข้น ฉีดกลับเข้าไปใรบริเวณที่มีอาการอักเสบ
    –  การรักษาด้วยการฉีดเกล็ดเลือด PRP ต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 3 ครั้ง โดยระยะห่าง 2-4 สัปดาห์ แล้วแต่การรักษาของแพทย์
    –  การรักษาด้วยวิธีนี้จะช่วยบรรเทาอาหารปวดได้ ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี
    – ผู้ทีเหมาะกับการรักษาด้วยการฉีดเกล็ดเลือด PRP นั้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการข้อเข่าเสื่อมน้อย – ปานกลาง
  • การฉีดเกล็ดเลือด PRP ช่วยรักษาโรคเข่าเสื่อมได้อย่างไร?
    การสกัดเกล็ดเลือดเข็มข้น มีส่วนประกอบของ Growth Factor อยู่ ซึ่งเป็นสารที่มีในร่างกายของมนุษย์ โดยจะทำหน้าที่กระตุ้นเซลล์ เข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ดังนั้นการรักษาด้วยเกล็ดเลือด สามารถช่วยลดอาการเจ็บปวดจากการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมได้
  • การฉีดเกล็ดเลือด PRP เหมาะกับใคร
    – การฉีดเกล็ดเลือด PRP เหมาะสำหรับผู้ที่มีการเข่าเสื่อมในระยะที่ 1 หรือระยะแรก
    – ผู้ที่ได้รับการบาดเจ็บในบริเวณกล้ามเนื้อ หรือเส้นเอ็น
    – ผู้ที่มีอาการบาดเจ็บ หรือมีการอักเสบของเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ
  • ขั้นตอนในการฉีดเกล็ดเลือด PRP รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
    – แพทย์จะทำการเจาะเลือด และทำการดูดเก็บเลือดของคนไข้ประมาณ 25- 180 มิลลิลิตร
    – นำเลือดที่เข้าไปปั่ยสกัดแยกชั้นของเกล็ดเลือด
    – นำเกล็ดเลือดที่ได้เป็นเกร็ดเลือดพลาสมาเข็มข้น ผ่านกระบวนการฉายแสง (Photoactivation)
    – หลังจากนั้นแพทย์จะทำการนำเกล็ดเลือด PRP ฉีดเข้าในบริเวณข้อเข่าที่มีอาการอักเสบ
    – ในช่วงวันแรก หลังทำการรักษาฉีดเกล็ดเลือด PRP ควรหลีกเลี่ยงการใช้ข้อเข่า 
  • ข้อดีของการฉีดเกล็ดเลือด PRP รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
    – ลดการเกิดผลข้างเคียง เนื่องจากเกล็ดเลือดได้มาจากคนไข้โดยตรง จึงมีความปลอดภัยสูง
    – เป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น  
  • ข้อปฏิบัติก่อนฉีดเกล็ดเลือด PRP รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม                                                                                                                      – ดื่มน้ำให้เพียงพอการทำการรักษา                                                                                                                                              – พักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนเข้ารับการรักษา                                                                                                                                     – ดูแล และรักษาจุดที่จะทำการฉีดเกล็ดเลือด PRP ให้สะอาด ไม่มีบาดแผล ลดการติดเชื้อ
  • ขอปฏิบัติหลังฉีดเกล็ดเลือด PRP รักษาโรคข้อเข้าเสื่อม
    – งดการใช้แรง ที่ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บบริข้อเข่า เป็นระยะเวลา 3 วันหลังทำการรักษา
    – อาจมีอาการปวด ตึงบริเวณที่ฉีด แนะนำประคบเย็นอย่างน้อย 15 นาที/ครั้ง เพื่อลดอาการบวม
    – หลังประคบเย็นแล้ว สามารถประคบอุ่นต่อได้
    – งดรับประทานยาแก้ปวด ที่มีฤทธิ์ต้นการอักเสบ ประมาณ 2 วัน
    – สามารถทานยาแก้ปวดโดสแบบทั่วไปได้ เช่นยาพาราเซตามอล

2. การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วย การฉีดสเต็มเซลล์ (Stem Cell)

  • การฉีดสเต็มเซลล์ Stem Cell รักษาโรคข้อเข่าเสื่อมคืออะไร?
          อีกหนึ่งเทคนิคที่ทาง Rassapoom Clinic ได้คิดค้นเพื่อการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมคือ การฉีดสเต็มเซลล์ (Stem Cell) นั้นเอง สเต็มเซลล์ (Stem Cell) คือเซลล์ต้นกำเนิดที่มีความพิเศษในการแบ่งตัวได้อย่างไม่จำกัด และยังพัฒนาไปเป็นเซลล์อื่นๆในร่างกายได้อีกด้วย หรือที่เรียกว่า “เซลล์ยังไม่มีหน้าที่จำเพาะ” จะต้องได้รับการกระตุ้น หรือมีการสั่งการจากร่างกายก่อนจึงจะมีการขยายพันธุ์หรือพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์อื่นๆ
         ดังนั้นการฉีดสเต็มเซลล์ ( Stem Cell)  เพื่อรักษาข้อเข่า เป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์ที่ใช้เซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) เพื่อช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมความเสียหายของกระดูกอ่อนในข้อเข่าเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการข้อเข่าเสื่อมในระดับเบาถึงปานกลาง โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด วิธีนี้ช่วยลดอาการอักเสบ บรรเทาอาการปวด และส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนใหม่ได้อีกด้วย และ Stem Cell ที่ทาง Rasapoom Clinic ได้คิดค้นและออกแบบเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่มีอาการข้อเข่าเสื่อม คือ สเต็มเซลล์ MSCs (Mesenchymal Stem cell)       
          สเต็มเซลล์ MSCs (Mesenchymal Stem cell)
    คือเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้ำสมัยในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม สเต็มเซลล์ชนิดนี้มีความพิเศษอย่างมากในการซ่อมแซม และฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย โดยเฉพาะบริเวณกระดูกอ่อนในข้อเข่า ยิ่งไปกว่านั้น MSCs สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์กระดูก หรือเนื้อเยื่อต่างๆที่ช่วยลดอาหารอักเสบ ฟื้นฟู ซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนและช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องผ่าตัด                                                                                           
  • แหล่งที่มาของสเต็มเซลล์ MSCs สำหรับการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
    –  ไขกระดูก (Bone Marrow): เป็นแหล่งที่มาของสเต็มเซลล์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
    –  ไขมัน (Adipose Tissue): ได้จากกระบวนการดูดไขมัน โดยจะใช้ในปริมาณมาก แต่ง่ายต่อการเก็บ
    –  สายสะดือ (Umbilical Cord): ได้จากเนื้อเยื่อเจลลี่ของสายสะดือ (Wharton’s Jelly)
  • จุดเด่นของสเต็มเซลล์ MSCs สำหรับการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม                                                                                                              – การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ: MSCsมีความสามารถในการช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายในร่างกายได้เป็นอย่างดี                                                               – การต้านการอักเสบ: ช่วยลดอาหารอักเสบในบริเวณที่มีปัญหา เช่น ข้อเข่าเสื่อม                                                                                               – การสร้างเซลล์ใหม่: MSCs สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์เฉพาะที่ช่วยสร้างหรือซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายได้
  • การฉีดสเต็มเซลล์ (Stem Cell) ช่วยรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมได้อย่างไร?
    จากที่แจ้งไปข้างต้นว่าสเต็มเซลล์สามารถช่วยซ่อมแซม และฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เกิดความเสียหายได้ เนื่องจากตัวสเต็มเซลล์จะเข้าไปกระตุ้นเนื้อเยื่อที่กระดูกอ่อน รวมถึงยังช่วยฟื้นฟูอวัยวะข้างเคียงได้อีกด้วย ทำให้ข้อเข่าที่เสื่อมสภาพ ได้รับการฟื้นฟูจากอาการอักเสบ และสามารถกลับมาใช้งานได้ดียิ่งขึ้น
  • ขั้นตอนในการฉีดสเต็มเซลล์ (Stem Cell) รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
    – เก็บสเต็มเซลล์ (Stem Cell) มักใช้สเต็มเซลล์ต้นกำเนิดจากคนไข้เอง จากไขกระดูก ไขมัน และสายสะดือ
    – หลังจากนั้นแพทย์นำไปสกัด เข้าสู่กระบวนการคัดแยก เพื่อให้ได้สเต็มเซลล์ที่มีคุณภาพสูง
    – แพทย์จะนำสเต็มเซลล์ที่ได้ไปฉีดในบริเวณข้อเข่า ที่มีอาการปวด โดยต้องอาศัยความแม่นยำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
  • ข้อปฏิบัติก่อนฉีดสเต็มเซลล์ (Stem Cell) รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
    – นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนเข้ารับการรักษา?
    – งดกินยา และอาหารเสริม รวมไปถึงสมุนไพร ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อย 7 วันก่อนผ่าตัด เช่น Aspirin, Coumadin, Ibuprofen, Advil, Motrin, Multivitamins, Fish oil, Omega3, Co-enzyme Q10 หรือ Evening Primrose Oil เป็นต้น (ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยา)
    – งดกินยากลุ่มการต้านการอักเสบ (NSAIDs) อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการรักษา)
    – หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ ก่อนทำการรักษา 2-3 วัน
  • ข้อปฏิบัติหลังฉีดสเต็มเซลล์ (Stem Cell) รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
    – งดออกกำลังกาย และยกของหนัก อย่างน้อย 3-5 วันหลังทำการรักษา
    – ในช่วง 2-3 วันแรก อาจมีอาการปวด และบวมในบริเวณที่ฉีดสเต็มเซลล์ สามารถประคบเย็นได้
    – หากมีอาการปวด ระบม สามารถรับประทานยาพาราเซตามอลได้
    – งดยาสเตียรอยด์ และยาต้านการอักเสบ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ หลังทำการรักษา
    – หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่เสี่ยง ต่อการเกิดการการแทกบริเวณข้อเข่า 

3. การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมโดย การฉีดน้ำไขข้อเทียมด้วยสารไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid-HA)

  • การฉีดน้ำไขข้อเทียมด้วยสารไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid-HA) รักษาโรคข้อเข่าเสื่อมคืออะไร?
    โรคข้อเข่าเสื่อม สามารถทำการรักษาได้หลากหลายวิธี อีกหนึ่งเทคนิคที่ Rassapoom Clinic นำมาทำการรักษาผู้ที่เป็นโรคเข่าเสื่อม ในระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง นั้นก็คือเทคนิต  การฉีดน้ำไขข้อเทียมด้วยสารไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid-HA) ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยฟื้นฟูข้อเข่า และช่วยลดอาการอักเสบของข้อเข่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฉีดสารไฮยาลูรอนิคทั่วไป เรียกกันว่า “น้ำเลี้ยงข้อเข่าเทียม”  ซึ่งเป็นคอลลาเจนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในข้อต่างๆของร่างกาย ที่ทำหน้าที่หล่อลื่น และดูดซับแรงกระแทกให้กับกระดูกอ่อนได้เป็นอย่างดี ดังนั้นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ Rassapoom Clinic แนะนำผู้ป่วย โรคข้อเข่าเสื่อมค่ะ

  • ข้อดีของการฉีดน้ำไขข้อเทียมด้วยสารไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid-HA) รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
    – ช่วยลดอาการปวดข้อเข่า Hyaluronic Acid ทำหน้าที่เสริมสร้างความหล่อลื่นในข้อเข่า และช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างกระดูก ช่วยบรรเทาอาการปวด
    – เพิ่มความยืดหยุ่นของข้อเข่า Hyaluronic Acid ช่วยคืนความยืดหยุ่นให้กับข้อเข่า ทำให้เคลื่อนไหวได้ดี ลดอาการฝืดหรือตึงในข้อ
    – ลดแรงกระแทกระหว่างข้อเข่า Hyaluronic Acid มีลักษณะข้นและหนืด ช่วยรองรับแรงกระแทกในข้อเข่า
    – กระตุ้นการสร้างน้ำเลี้ยงข้อเข่า การฉีด  Hyaluronic Acid ช่วยกระตุ้นเยื่อหุ้มข้อให้กลับมาสร้างน้ำเลี้ยงข้อเข่าธรรมชาติได้ดีขึ้น
    – ไม่ต้องผ่าตัด เป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัยและไม่ต้องผ่าตัด ระยะพักฟื้นไม่นาน
    – ช่วยชะลอความเสื่อมของข้อเข่า  การฉีด  Hyaluronic Acid ลดการอักเสบและความเสียหายเพิ่มเติมในข้อเข่า ทำให้การเสื่อมของข้อช้าลง

  • วิธีการฉีดน้ำไขข้อเทียมด้วยสารไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid-HA) รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
    – เป็นการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า แบบมีโมเลกุลขนาดเล็ก – ขนาดกลาง 3-5 เข็ม  (ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์) แต่กรณีโมเลกุลขนาดใหญ่แพทย์จะฉีด 1 เข็ม
    – แพทย์จำทำการฉีดสัปดาห์ละ 1-2 เข็ม ติดต่อกันจนกว่าจะครบตามจำนวนที่กำหนด 

  • ข้อปฏิบัติก่อนการฉีดน้ำไขข้อเทียมด้วยสารไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid-HA) รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
    –  หยุดทานยาบางชนิด (หากจำเป็น) ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน (Aspirin) หรือยากลุ่ม NSAIDs ควรหยุดยาเหล่านี้ก่อนการรักษาประมาณ 1 สัปดาห์
    – ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจส่งผลต่อการติดเชื้อหรือการอักเสบ เช่น ยาต้านการอักเสบ หรือยากลุ่มสเตียรอยด์
    – หลีกเลี่ยงการใช้งานข้อเข่าอย่างหนัก ควรพักผ่อนให้เพียงพอ

  • ข้อปฏิบัติหลังการฉีดน้ำไขข้อเทียมด้วยสารไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid-HA) รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
    – หลีกเลี่ยงการใช้งานข้อเข่าหนัก ๆ เช่น การยกของหนัก การเดินไกล หรือการออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก
    – งดการใช้ยาที่มีฤทธิ์ลดการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน หรือยากลุ่ม NSAIDs  หลังการรักษา
    – ในช่วง 2-3 วันแรก อาจมีอาการปวด และบวมในบริเวณที่ฉีดสเต็มเซลล์ สามารถประคบเย็นได้

4. โปรแกรม Active Knee Therapy by Indiba ฟื้นฟูอาการอัพเสบของข้อเข่า

  • โปรแกรม Active Knee Therapy by Indiba  ช่วยฟื้นฟูอาการอักเสบของข้อเข่า คืออะไร?
    อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยบรรเทาลดอาการอักเสบของข้อเขาได้นั้นคือ โปรแกรม Active Knee Therapy by Indiba เทคโนโลยีที่ใช้กระแสไฟฟ้า คลื่นความถี่ RF (Radiofequency) เพื่อช่วยคลายอาการปวดเมื่อย รักษา และซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ที่มีอาการบาดเจ็บ โดยเป็นการใช้กระแสไฟฟ้า คลื่นวิทยุความถี่ที่ 448 kHz ซึ่งถือว่าเป็นความถี่ที่มีความเสถียรในการรักษาสูงมาก สามารถช่วยกระตุ้นเซลล์ในระดับตื้น และลึกได้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยฟื้นฟู และรักษาผู้ที่ประสบปัญหาโรคข้อเข่าเสื่อมได้ค่ะ

  • หลักการทำงานของโปรแกรม ctive Knee Therapy by Indiba ช่วยฟื้นฟูอาการอักเสบของข้อเข่าอย่างไร?
    – การกระตุ้นการไหลเวียนเลือด:  กระแสไฟฟ้าในโปรแกรม Active Knee Therapy by Indiba จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดในบริเวณที่ทำการรักษา                     เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด
    – การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: โปรแกรม Active Knee Therapy by Indiba จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย                            ทำให้ข้อเข่ามีความยืดหยุ่นมากขึ้น
    – ลดการอักเสบ: การใช้กระแสไฟฟ้าในโปรแกรม Active Knee Therapy by Indiba จะช่วยลดอาการอักเสบและบวมในข้อเข่าได้
    – การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ: โปรแกรม Active Knee Therapy by Indiba ยังช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบๆ ของข้อเข่า ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดและอักเสบที่เกิดจากการตึงของกล้ามเนื้อที่ต้องรองรับภาระจากข้อเข่าที่เสื่อมได้

     

  • ข้อดีของ โปรแกรม Active Knee Therapy by Indiba ช่วยฟื้นฟูอาการอักเสบของข้อเข่า
    – ลดอาการปวดและบวม
    – ฟื้นฟูการเคลื่อนไหว
    – การฟื้นฟูจากการบาดเจ็บ
    – การรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด

  • ข้อปฏิบัติก่อนทำการรักษาโปรแกรม Active Knee Therapy by Indibaช่วยฟื้นฟูอาการอักเสบของข้อเข่า
    – พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อยู่ในภาวะอ่อนเพลียก่อนการรักษา
    – ดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด

  • ข้อปฏิบัติหลังทำการรักษาโปรแกรม Active Knee Therapy by Indiba ช่วยฟื้นฟูอาการอักเสบของข้อเข่า
    พักผ่อนหากรู้สึกอ่อนเพลีย  หลังการรักษา หากมีอาการอ่อนเพลียควรพักผ่อนให้เพียงพอ
    – หลีกเลี่ยงการนวดหรือใช้ความร้อน ในบริเวณที่ทำการรักษา
    – ประคบเย็นหากมีอาการร้อนหรือแสบ

ระยะอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม

โรคข้อเข่าเสื่อมสามารถแยกระยะ ตามความรุนแรงของอาการได้ โดยแย่งออกแป็น 4 ระยะ ดังนี้

  • ระยะที่ 1 (Early Stage)
    ในระยะที่ 1 หรือระยะแรกนี้ จะเริ่มมีการสึกหรอของกระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่า อาจจะยังไม่มีอาการเจ็บปวด หรือมีอาการน้อยมากๆ สามารถตรวจเจอได้โดยการ X-ray

  • ระยะที่ 2 (Mild Stage)
    ในระยะนี้ เริ่มมีอาการสึกหรอของกระดูกมากขึ้น และมีอาการปวด หรือบวมเมื่อมีการใช้ข้อเข่า หรือมีการเกิดเสียงเมื่อมีการเคลื่อนไหว รวมไปถึงการเคลื่อนไหวของข้อเข่าเริ่มติดขัด

  • ระยะที่ 3 (Moderate Stage)
    ในระยะที่ 3 นี้ กระดูกจะค่อยๆเสื่อมสภาพมากขึ้น อาจมีอาการเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเดิน หรือเคลื่อนไหว และยังมีอาการบวมในบริเวณข้อเข่าด้วย

  • ระยะที่ 4 (Severe Stage)
    ระยะที่ 4 หรือระยะท้ายสุด กระตูดในข้อเข่าจะถูกทำลายไปเกือบทั้งหมด ทำให้กระดูกข้อเข่ามีการเสียดสีโดยตรง ทำให้มีอาการปวดเข่าที่รุนแรงมากขึ้น ถึงแม้มีการพักใช้งาน แต่ก็ยังคงมีอาการเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด

Q&A ที่พบบ่อยสำหรับโปรแกรมการรักษาข้อเข่ามเสื่อม

1.การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมต้องผ่าตัดหรือไม่?

• ไม่จำเป็นเสมอไป การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมสามารถเริ่มจากการใช้ยารักษา การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า การฉีด เกล็ดเลือด PRP การฉีดสเต็มเซลล์ หรือการทำกายภาพบำบัด โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ถ้าอาการไม่ดีขึ้นถึงขั้นรุนแรง การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกสุดท้าย

2. การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าช่วยอะไร?
• การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า (Hyaluronic Acid-HA) ช่วยเติมน้ำเลี้ยงในข้อเข่า ทำให้ข้อเข่ามีความลื่นไหลมากขึ้น ลดอาการปวดและบวม และช่วยฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของข้อเข่าได้ดี

3. โปรแกรม Indiba ช่วยรักษาข้อเข่าเสื่อมได้อย่างไร?
• โปรแกรม Indiba ใช้กระแสไฟฟ้าความถี่สูง (Radiofrequency) เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดการอักเสบ และช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อของข้อเข่าที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับข้อเข่า

4. การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ช่วยรักษาข้อเข่าเสื่อมได้หรือไม่?
การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ (Stem Cells) สามารถช่วยในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในข้อเข่าได้ โดยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างกระดูกอ่อนใหม่ ซึ่งช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด

5. ต้องทำการรักษากี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับระยะของโรคข้อเข่าเสื่อม รวมไปถึงวิธีที่ทำการรักษา

6. โรคข้อเข่าเสื่อมสามารถรักษาหายขาดได้หรือไม่?
โรคข้อเข่าเสื่อมนั้นอาจไม่สามารถรักษาหายขาดได้  แต่สามารถรักษาบรรเทาอาการ และชะลอการเกิดข้อเข่าเสื่อมได้

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ

เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว