โปรแกรมร้อยไหมแบบไหน ที่ใช่สำหรับคุณ
หากพูดถึงการร้อยไหม คงนึกถึงการดึงหน้าไปเก็บไว้ที่หลังหู แล้วก็ถูกเล่ากันปากต่อปากจนกลายเป็นความเชื่อแบบผิดๆ ที่สร้างความน่ากลัวให้กับการเสริมความงามชนิดนี้ว่าจะต้องน่ากลัว หน้าตึงจนบิดเบี้ยวไม่เป็นรูป หรือใช้วัสดุอันตรายที่ทำให้ไม่สามารถเข้าเครื่องต่างๆ ได้ทำให้คนต่างกลัวและไม่กล้าเปิดใจให้กับการเสริมความงามชนิดนี้
แต่ในความจริงแล้วการร้อยไหมนั้นมีทั้งไหมละลายและไม่ละลายซึ่งปัจจุบันแทบไม่มีการใช้ไหมไม่ละลายในวงการความงามแล้ว ซึ่งไหมไม่ละลาย ที่เราเคยได้ยินมานั้น อาจจะมีการได้ยินผ่านกันมาบ้างในชื่อของไหมทองคำ ไหมโลหะ หรือไหมพลาสติก โดยไหมเหล่านั้นจะไม่สามารถสลายได้เองตามกลไกของร่างกาย ในบางทีอาจมีอันตราย ที่สำคัญยังเป็นกลุ่มไหมที่ไม่ทนต่อความร้อนส่งผลให้ในบางทีใบหน้าของผู้ใช้บริการอาจผิดรูปได้อีกด้วย สำหรับผู้ที่ได้ผ่านการร้อยไหมเหล่านี้มา จะไม่สามารถเข้าเครื่อง MRIหรือ CT Scan ได้
ส่วนไหมที่นิยมใช้ร้อยกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนั้น คือ การใช้ไหมละลายที่เรารู้จัก และคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ในการเย็บแผลที่มีการผ่าตัดที่ใช้กันในวงการแพทย์ ร้อยเข้าไปในชั้นผิวหนัง ด้วยเทคนิคของแพทย์แต่ละคน โดยการใช้เข็มในการนำเส้นไหมเข้าสู่ผิวหน้าเพื่อทำการยกกระชับผิวให้มีความยกให้ดูตึงกระชับมากขึ้น อาจจะมีการซ่อนปลายไหมที่ขมับ และกรอบหน้าหรือแก้มส่วนล่าง แพทย์จะทำการดึงไหมขึ้น เพื่อให้เกิดการยกกระชับของผิวตามเทคนิคของแพทย์ และความเหมาะสม สำหรับไหมแต่ละชนิด โดยการทำโปรแกรมร้อยไหมจะสามารถเห็นผลได้ทันที
การเลือกใช้ไหมในการทำการร้อยไหมนั้นแพทย์จะ เลือกใช้ไหมที่มีความเหมาะสมกับปัญหาที่เกิดขึ้นคนไข้ โดยจะมีความยาว และลักษณะที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ใช้
โดยหลักการของไหมในแต่ละชนิดเบื้องต้นจะมีหลักการที่คล้ายคลึงกันจากการทำงานของไหมคือไหมที่แพทย์ได้ทำการร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังจะเข้าไปทำการกระตุ้นให้ใต้ผิวหนังเกิดการสร้างเส้นเลือดใหม่ พร้อมทั้งยังไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตมาเลี้ยงชั้นผิวหนังเพิ่มมากขึ้น ทั้งโปรแกรมร้อยไหมยังมีผลทำให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน ทำให้คอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนังได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ได้มาพันรอบแนวเส้นไหม มีผลให้เกิดการดึงรั้งผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าเต่งตึง ช่วยในการฟื้นฟูผิวและกระชับผิวส่งผลให้ผิวหนังสุขภาพที่ดีแลดูอ่อนเยาว์ลงและอิ่มฟูมากขึ้นด้วย
ร้อยไหมคืออะไร ? ร้อยไหมเพื่ออะไร? อันตรายหรือไม่ ? ทำไมถึงหน้าเรียว ?
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ประเภทไหมที่ใช้ในการทำโปรแกรมร้อยไหมจะแบ่งเป็น 3 ประเภท มีความแตกต่างกัน ดังนี้
1.ไหม PDO (Polydioxanone) คือ ไหมละลายที่มีความปลอดภัยสูงมากทั้งยังมีความยืดหยุ่นที่สูง ไหมชนิดนี้เป็นไหมที่นิยมใช้ในวงการศัลยแพทย์ โดยแพทย์นิยมใช้สำหรับการเย็บเนื้อเยื่อต่างๆ ภายในร่างกาย เช่นการเย็บแผล หรือเส้นเลือดชนิดต่างๆ รวมทั้งหัวใจ ซึ่งไหมจะสามารถละลายได้เองโดยไม่ต้องทำการตัดไหม และไหม PDO จะสามารถคงสภาพอยู่ใต้ชั้นผิวได้ 4 ถึง 6 เดือน
2.ไหม PCL (Polycaprolactone) คือ ไหมละลายที่ใช้ในวงการแพทย์ที่มีความยืดหยุ่นและความเหนียวสูง สามารถยืดและหดตัวตามการขยับของร่างกายและใบหน้าได้ดี ลดการเกิดการขาดของเส้นไหม ละลายหมดภายใน 1-2 ปี
3.ไหม PLLA (Polylactic acid) คือ ไหมละลายที่มีลักษณะแข็งแรง คงทน มีความแข็ง เป็นไหมที่มีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีที่สุดเป็นไหมที่ทนต่อแรงในการดึงได้สูงคงสภาพใต้ผิวได้ 1 ปี
ลักษณะของเส้นไหมที่ใช้ร้อยกันในวงการร้อยไหม
ด้วยความที่ลักษณะใบหน้า ผิวหน้า และปัญหาที่เกิดขึ้นกับใบหน้าของแต่ละบุคคลก็มีความแตกต่างกันเช่นกัน ควรปรึกษาแพทย์สำหรับการแก้ไขปัญหา ด้วยการใช้โปรแกรมร้อยไหม เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีและเหมาะสมที่สุด โดยลักษณะของไหมที่มีในท้องตลาดในปัจจุบันมี ดังนี้
1.ไหมลักษณะเรียบ (Mono thread)
จะเป็นไหมที่มีความเรียบ ตรง ไม่มีเงี่ยง ไม่มีการปาดเส้นเป็นไหมที่นิยมใช้ในยุคของการเริ่มร้อยไหม จะมีลักษณะเป็นไหมที่มีเส้นสั้น โดยแพทย์จะใช้ในการสอดไหมเข้าสู่ชั้นผิวเพื่อทำให้ใบหน้ามีความตึงมากขึ้น จะช่วยฟื้นฟูผิว รวมทั้งสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้ แต่ในทางกลับกันไหมชนิดนี้จะไม่ได้ช่วยในการยกกระชับ โดยอาการหลังจากการร้อยไหม จะทำให้หน้ามีความบวม จึงทำให้ผู้รับบริการมีความรู้สึกว่าใบหน้ามีความอิ่ม ตึงในระยะเวลาเพียงสั้นๆ นั่นเอง
2.ไหมลักษณะเกลียว (Screw thread)
ลักษณะของไหมชนิดนี้จะสังเกตได้ง่ายๆ คือจะมีลักษณะเป็นไหมแบบเรียบที่ม้วนพันเป็นทรงเกลียวลักษณะคล้ายกับสปริงโดยจะเป็นไหม 1 เส้น หรือสองเส้นขึ้นอยู่กับรุ่นของไหมซึ่งไหมเกลียวจะเป็นไหมที่เพิ่มความแข็งแรงขึ้นมาอีกขั้นจากไหมที่มีลักษณะเรียบธรรมดา โดยไหมชนิดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในบริเวณผิวหนังที่ยุบ คอลลาเจนหายไป หรือมีความเป็นแอ่งเป็นบ่อ ซึ่งไหมเกลียวจะช่วยเพิ่มปริมาณความหนาแน่นของผิวให้มากขึ้นได้ซึ่งตรงนี้จะเป็นลักษณะที่ต่างจากไหม Mono แบบธรรมดา
3.ไหมลักษณะเงี่ยง (Barb thread)
หรือ bidirectional barbed thread อาจจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีหากเรียกว่าไหมก้างปลา หรือไหมกุหลาบ และชื่ออื่นๆ อีกมากมาย โดยชื่อทั้งหมดตามที่กล่าวไปเป็นการตั้งชื่อการตลาดตามลักษณะของไหม ซึ่งเป็นไหมที่ได้รับความนิยมทั่วไป ลักษณะของไหมเงี่ยงจะมีลักษณะคือมีเงี่ยงยื่นออกมาจากเส้นไหมอาจจะยื่น 1 ทิศทาง หรือ 2 ทิศทางก็ได้เช่นกัน โดยเงี่ยงของไหมจะมีหน้าที่ในการดึงรั้งยกกระชับผิวหน้าที่มีความหย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี ซึ่งเงี่ยงของไหมจะเข้าไปทำการล็อกให้ผิวยกกระชับ
เงี่ยงของไหมลักษณะเงี่ยงบากจะแบ่งอีกขั้นเป็น
ไหมเงี่ยงแบบบาก
ไหมเงี่ยงชนิดนี้จะเป็นการผลิตและสร้างเงี่ยงของเส้นไหมผ่านการผ่าบากเส้นไหมโดยใช้เลเซอร์หรือกระบวนการผลิตต่างๆ จนมีลักษณะเป็นซี่ เปรียบเทียบได้กับเราใช้มีดบากเปลือกไม้ ให้เป็นลักษณะบั้งๆ โดยมีลักษณะการบากของไหมจะมีความแตกต่างที่แตกต่างกันไปตามรุ่นของไหม
– Uni-direction คือไหมเงี่ยงที่มีลักษณะการบากเงี่ยงให้เรียงตัวไปในทิศทางเดียวกัน 1 แนว
– Bi-direction คือไหมเงี่ยงที่มีลักษณะการบากเงี่ยงให้เรียงตัวไปใน 2 ทิศทาง แบบสวนทางกัน แต่บากเพียง 1 แนวเท่านั้น
– 3D Cog คือไหมเงี่ยงที่มีลักษณะการบากเงี่ยงให้เรียงตัวไปทิศทางเหมือนสามมิติรอบแนวเส้นไหมทั่วทั้ง 360 องศา
ไหมเงี่ยงแบบหล่อ
ไหมเงี่ยงชนิดนี้จะมีลักษณะของเงี่ยงที่มีการหล่อขึ้นมาพร้อมๆ กับเส้น คือเป็นไหมที่มีแม่พิมพ์เป็นเงี่ยงนั่นเอง เปรียบเทียบได้กับก้านดอกกุหลาบที่มีลักษณะเป็นหนามที่ออกมาจากก้านเป็นธรรมชาตินั่นเอง โดยไหมชนิดนี้จะมีเงี่ยงที่แข็งแรงเป็นอย่างมาก สามารถเกาะกับผิวได้แน่น เป็นอย่างดี
เงี่ยงของไหมลักษณะเงี่ยงหล่อจะแบ่งอีกขั้นเป็น
– Carving Cog คือ ไหมเงี่ยงที่มีลักษณะการหล่อเงี่ยงเป็นสามเหลี่ยมเหมือนหนามให้เรียงตัวตามเส้นไหม
– Molding Cog คือ ไหมเงี่ยงที่มีลักษณะการหล่อเงี่ยงให้เรียงตัวตามเส้นไหมให้มีลักษณะคล้ายกับซี่ของใบเลื่อยหรือฟันของปลาฉลาม
– 3D Molding Cog คือ ไหมเงี่ยง ที่มีลักษณะการหล่อเงี่ยง ให้เรียงตัวตามเส้นไหม ให้มีลักษณะเป็นหนามลักษณะสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ ออกมาจากแกนกลางเส้นไหมรอบเส้นไหมลักษณะคล้ายก้านกุหลาบ
ลักษณะของไหมเงี่ยงทั้ง 2 ชนิดจะมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ในเรื่องของความแข็งแรงคงทน เนื่องจากไหมเงี่ยงแบบบาก จะเป็นไหมที่มีการบากเงี่ยงจากเส้นไหม จึงทำให้เงี่ยงของไหมมีความแข็งแรง น้อยกว่าไหมเงี่ยงแบบหล่อ
4.ไหมลักษณะกรวย
เงี่ยงของไหมชนิดนี้จะมีรูปแบบเป็นกรวยล้อมรอบเส้นไหม มีลักษณะเหมือนทรงกรวยออกมาจากตัวไหม โดยเงี่ยงของไหมจะทำให้เกาะกับผิวได้เป็นอย่างดี โดยตัวกรวยจะถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีไม่คมจนบาดผิว หรือขูดกับผิว ลดการบอบช้ำของผิวกว่าไหมเงี่ยง
แต่ไหมชนิดนี้จำเป็นจะต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการเท่านั้นเนื่องจากเป็นไหมที่ต้องใช้ฝีมือและเทคนิคในการร้อยไหมที่สูง
5.ไหมโครงตาข่าย
ไหมชนิดนี้ จะเป็นไหมลักษณะเส้นเรียบหลายเส้น ถักทอจนกลายเป็นตาข่าย นอกจากนี้ ยังมีไหมเงี่ยงอีกหนึ่งเส้น อยู่ด้านในไหมตาข่ายโดยไหมเงี่ยงดังกล่าวมีลักษณะเป็นไหมเงี่ยงแบบหล่อเงี่ยงรอบตัวไหมตลอดเส้น ทำให้ยกใบหน้าได้ดีกว่า แข็งแรงกว่ามีความเหมาะสมในการใช้ดึงหน้าและสร้างคอลลาเจนสูงและดีมากเนื่องจากทำให้เนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ผิวหนังนั้นเกาะที่ไหมได้แน่นขึ้นกว่าไหมที่มีชั้นเดียว โดยคอลลาเจนที่เกิดขึ้นใหม่จะสร้างเนื้อเยื่อผ่านรูโครงตาข่ายจึงทำให้เนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นนั้นมีความฟู แน่นได้มากยิ่งขึ้น
ที่ Rassapoom Clinic ใช้ยี่ห้อร้อยไหมอยู่ทั้งหมด 3 ยี่ห้อ คือ
• โปรแกรมร้อยไหม Tesslift Soft
• โปรแกรมร้อยไหม MINT
• โปรแกรมร้อยไหม Definisse
ร้อยไหมคืออะไร ? ร้อยไหมเพื่ออะไร? อันตรายหรือไม่ ? ทำไมถึงหน้าเรียว ?
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
โปรแกรมร้อยไหม Tesslift Soft คือโปรแกรมร้อยไหมแบบโครงตาข่าย หรือ Mesh Scaffold Thread Lift อาจจะเรียกอีกอย่างว่า Tesslift soft เป็นโปรแกรมร้อยไหมที่ผลิตโดย บริษัท Tesslift จากประเทศเกาหลีใต้ ที่มีการใช้ Biomedical engineering ในการออกแบบและสร้างไหมขึ้นมา ให้เป็นโปรแกรมร้อยไหม แบบโครงตาข่าย (Mesh treads) ได้รับมาตรฐาน CE Approved (European Conformity)
โดยลักษณะของโปรแกรมร้อยไหมชนิดนี้จะใช่วัสดุ PDO หรือ POLYDIOXANONE ที่มีเงี่ยงลักษณะเงี่ยงหล่อ โดยรอบไหมทั้ง 360 องศา และยังเป็นไหมที่มีลักษณะการทอสังเคราะห์ พอลิเมอร์ที่มีลักษณะเป็นเส้นใยเดี่ยว เป็นตาข่ายหุ้มทั้งเส้นอีกหนึ่งชั้น โดยลักษณะของโปรแกรมร้อยไหมชนิดนี้ จะยิ่งเพิ่มความแข็งแรงและคงทน ของเส้นไหมได้เป็นอย่างดี โดยผ่านการวิจัยออกมาแล้วว่าโปรแกรมร้อยไหม Tesslift Soft จะมีความคงทนแข็งแรงกว่าไหมลักษณะธรรมดากว่า 80 เท่า
ร้อยไหมคืออะไร ? ร้อยไหมเพื่ออะไร? อันตรายหรือไม่ ? ทำไมถึงหน้าเรียว ?
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
เมื่อทำการร้อยไหมโปรแกรม Tesslift Soft ลงใต้ผิวหนังแล้ว ร้อยไหมโปรแกรม Tesslift Soft จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างเซลล์ใต้ผิวหนังให้เกิดการสร้างขึ้นตามกระบวนการของร่างกายโดยแทรกเข้าไปตามช่องว่างของตาขายของร้อยไหมโปรแกรม Tesslift Soft จึงทำให้เนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นใหม่มีการประสานเข้ากับไหมได้มากขึ้น ผิวจึงมีความแน่นฟู กระชับ เต่งตึงและเฟิร์มขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้การร้อยไหมโปรแกรม Tesslift Soft ยังคงสภาพใต้ผิวหนังได้นานถึง 8 – 12 เดือน
ลักษณะนี้เองของโปรแกรมร้อยไหม Tesslift soft จึงเป็นลักษณะที่ทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนได้มาก ยกหน้าได้มาก ทั้งยังสามารถใช้ในการร้อยไหมเพื่อปรับรูปหน้า เพิ่มความเรียวให้ใบหน้าได้อีกด้วย
นอกจากนี้ความพิเศษของโปรแกรมร้อยไหม Tesslift soft ยังสามารถทำเพื่อการแก้ปัญหาหางตาตก และหนังตาตกได้อีกด้วย
โปรแกรมร้อยไหม Tesslift soft สามารถทำบริเวณใดและแก้ปัญหาใดได้บ้าง ?
• โปรแกรมร้อยไหม Tesslift soft สามารถแก้ปัญหาหางตาตกต้องการยกหางตา
• โปรแกรมร้อยไหม Tesslift soft สามารถแก้ปัญหาคิ้วตกต้องการยกคิ้ว
• โปรแกรมร้อยไหม Tesslift soft สามารถแก้ปัญหาร่องแก้ม ที่ต้องการยกกระชับ
• โปรแกรมร้อยไหมTesslift soft สามารถแก้ปัญหาร่องน้ำหมาก เริ่มลึกและเห็นชัดสามารถยกและเติมเต็มได้
• โปรแกรมร้อยไหม Tesslift soft สามารถแก้ปัญหาเหนียง และกรอบหน้าสามารถยกกระชับเก็บกรอบหน้าเพิ่มความมั่นใจได้
• โปรแกรมร้อยไหม Tesslift soft สามารถแก้ปัญหามีกระเปาะแก้มต้องการยกกระชับ
ร้อยไหมคืออะไร ? ร้อยไหมเพื่ออะไร? อันตรายหรือไม่ ? ทำไมถึงหน้าเรียว ?
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
โปรแกรมร้อยไหม MINT LIFT ย่อมาจาก Minimal Invasive Non surgical Thread คือโปรแกรมร้อยไหมที่ผลิตและพัฒนาขึ้นโดยบริษัท บริษัท HansBiomed ,Bio Engineering จากประเทศเกาหลีใต้ โปรแกรมร้อยไหม MINT เป็นโปรแกรมการร้อยไหมที่ผลิตขึ้นมาจากวัสดุ PDO เป็นโปรแกรมร้อยไหม ที่มีลักษณะเส้นไหมแบบ 360-degree helical pattern โดยเป็นไหมที่มีลักษณะเป็นเงี่ยงทรงกรวยสามเหลี่ยม 3 มิติ รอบทั้งเส้นไหม ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษ ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของโปรแกรมร้อยไหม MINT เจ้าเดียวเท่านั้น โปรแกรมร้อยไหม MINT LIFT โปรแกรมร้อยไหมที่ได้รับรองจาก US-FDA ว่าสามารถใช้โปรแกรมร้อยไหม MINT LIFT ในการร้อยเพื่อยกกระชับได้ มีกระบวนการผลิตไหมแบบการขึ้นรูปแบบหล่อที่แข็งแรงทนทาน ขนาดเท่ากันทั่วทั้งเส้น อีกทั้งเงี่ยงของโปรแกรมร้อยไหม MINT ยังมีความแข็งแรงยืดหยุ่นและทนต่อการดึงได้มากถึง 4 เท่าและรอบทิศทาง เพื่อเพิ่มแรงยกดึงให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
โปรแกรมร้อยไหม MINT LIFT ได้ถูกพัฒนาเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้เข้ารับบริการให้มากที่สุด ตามความเหมาะสมและบริเวณต่างๆ ที่ต้องการทำโปรแกรมร้อยไหม MINT LIFT โดยมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันโดยแบ่งเป็น
ร้อยไหมคืออะไร ? ร้อยไหมเพื่ออะไร? อันตรายหรือไม่ ? ทำไมถึงหน้าเรียว ?
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
Lifting
1.โปรแกรมร้อยไหม MINT LIFT FINE เป็นโปรแกรมร้อยไหมที่มีความยาว 15 cm มาพร้อม กับเข็มปลายทู่เพื่อช่วยในการหลบเลี่ยงเส้นเลือดป้องกันการโดนเส้นเลือดและเส้นประสาท
2.โปรแกรมร้อยไหม MINT LIFT PETIT เป็นโปรแกรมร้อยไหมที่มีความยาว 140 mm เงี่ยงอยู่รอบเส้นไหมเหมาะแก่การร้อยในบริเวณร่องแก้มและหน้าผาก
3.โปรแกรมร้อยไหม MINT LIFT MINI เป็นโปรแกรมร้อยไหมที่มีความยาว 17 cm เหมาะสำหรับยกกระชับที่บริเวณแก้ม
Fixation
4.โปรแกรมร้อยไหม MINT LIFT FIX เป็นโปรแกรมร้อยไหมที่มีความยาว 150 mm จะมีเงี่ยงอยู่รอบเส้นไหม
5.โปรแกรมร้อยไหม MINT LIFT FIX-MINI เป็นโปรแกรมร้อยไหมที่มีความยาว 60 mm มีเงี่ยงอยู่รอบเส้นไหมเช่นเดียวกับไหม FIX
Nose
6.โปรแกรมร้อยไหม MINT LIFT TIP เป็นโปรแกรมร้อยไหมที่มีความยาว 40 mm มาพร้อมกับเข็มปลายทู่ เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวบาง
7.โปรแกรมร้อยไหม MINT LIFT UP เป็นโปรแกรมร้อยไหมที่มีความยาว 90 mm มาพร้อมกับเข็มปลายทู่ เหมาะกับบริเวณที่มีเนื้อน้อย ร้อยยาก
ร้อยไหมคืออะไร ? ร้อยไหมเพื่ออะไร? อันตรายหรือไม่ ? ทำไมถึงหน้าเรียว ?
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
Anchoring & Double Chin
8.โปรแกรมร้อยไหม MINT LIFT EASY เป็นโปรแกรมร้อยไหมที่มีความยาว 42.4 mm จะมีเข็มอยู่ที่เส้นไหมทั้งสองด้าน ทำให้แพทย์ทำการร้อยไหมได้ง่าย ทั้งยังช่วยในการหลบหลีกเส้นเลือดได้ดี ช่วยในการยกกระชับ
9.โปรแกรมร้อยไหม MINT LIFT เป็นโปรแกรมร้อยไหมที่มีความยาว 43 cm มีความหนาของไหมที่เส้นหนา ช่วยในการยกกระชับได้เป็นอย่างดี
โปรแกรมร้อยไหม MINT LIFT สามารถทำบริเวณใดได้บ้าง ?
เนื่องจากสามารถทำได้หลายบริเวณ เนื่องจากถูกผลิตมาหลากหลายรุ่น หลากหลายรูปแบบแตกต่างความยาวจึงเหมาะกับการแก้ปัญหาหลากหลายบริเวณ ทั่วทั้งใบหน้า โดยสามารถให้แพทย์ประเมินตามความต้องการเบื้องต้นก่อนทำการรักษาได้
ร้อยไหมคืออะไร ? ร้อยไหมเพื่ออะไร? อันตรายหรือไม่ ? ทำไมถึงหน้าเรียว ?
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
โปรแกรมร้อยไหม Definisse เป็นโปรแกรมร้อยไหมที่ผลิตขึ้นจากประเทศอิตาลีโปรแกรมร้อยไหม Definisse ผลิตโดยวัสดุ Poly-L-lactic acid และ caprolactone; p(LA-CL) ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านการยกกระชับรวมทั้งด้านความปลอดภัยทางด้านมาตรฐานการผลิตจากสหภาพยุโรป (CE Mark) และ อย.ไทยหรือองค์การอาหารและยาไทย (THFDA)
จึงทำให้เป็นโปรแกรมร้อยไหมที่ตัวไหมมีความยืดหยุ่นสูง ไม่เปราะ ไม่บาง ไม่แตกหักง่ายตัวไหมมีลักษณะไหมมีเงี่ยงสำหรับยึดเกาะกับเนื้อเยื่อใต้ผิว มีการถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้มีความแข็งแรง เส้นหนา จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้จำนวนมากในการยกกระชับ
เหมาะเป็นอย่างมากที่จะใช้ในการยกกระชับผิวที่มีความหย่อนคล้อยบนใบหน้าโดยสามารถใช้โปรแกรมร้อยไหม Definisse ได้ในหลายบริเวณบนใบหน้า เช่น ยกหางตา คิ้ว เหนียง ทั้งโปรแกรมร้อยไหม Definisse ยังช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิวบริเวณที่ทำการร้อยไหม เพื่อทำให้ผิวเกิดความกระชับและมีความหนา เพิ่มวอลลุ่มมากขึ้นได้อีกด้วย
ร้อยไหมคืออะไร ? ร้อยไหมเพื่ออะไร? อันตรายหรือไม่ ? ทำไมถึงหน้าเรียว ?
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
โปรแกรมร้อยไหม Definisse สามารถแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ?
• โปรแกรมร้อยไหม Definisse สามารถยกหางคิ้วที่ตกได้
• โปรแกรมร้อยไหม Definisse สามารถยกตาที่ตกได้
• โปรแกรมร้อยไหม Definisse สามารถยกกระชับใบหน้าให้เรียว ตึงได้
• โปรแกรมร้อยไหม Definisse สามารถเพิ่มความหนาแน่นให้กับผิวได้
• โปรแกรมร้อยไหม Definisse สามารถปรับผิวให้มีความเรียบเนียนได้
ร้อยไหมคืออะไร ? ร้อยไหมเพื่ออะไร? อันตรายหรือไม่ ? ทำไมถึงหน้าเรียว ?
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการโปรแกรมร้อยไหม
• ก่อนเข้ารับบริการโปรแกรมร้อยไหมควรงดการรับประทานยาแอสไพริน ยาต้านการแข็งตัวของเลือด รวมทั้งวิตามิน อาหารเสริมต่างๆ ประมาณ 3-7 วันก่อนทำการร้อยไหม เพื่อลดอาการเลือดออกมาก
• ก่อนเข้ารับบริการโปรแกรมร้อยไหมควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 วันก่อนทำ
• ก่อนเข้ารับบริการโปรแกรมร้อยไหมควรควรสระผมให้สะอาดก่อนมาร้อยไหม เพื่อป้องกันอาการติดเชื้อ อีกทั้งหลังการร้อยไหมยังไม่ควรให้แผลโดนน้ำ
• หากมีปัญหาผิวหนังบนใบหน้าอาทิ ผิวหนังอักเสบ เป็นสิวรุนแรง ควรรักษาให้หายดีก่อนทำการเข้ารับบริการโปรแกรมร้อยไหม
ร้อยไหมคืออะไร ? ร้อยไหมเพื่ออะไร? อันตรายหรือไม่ ? ทำไมถึงหน้าเรียว ?
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การดูแลตัวเองหลังเข้ารับบริการโปรแกรมร้อยไหม
• หลังเข้ารับบริการโปรแกรมร้อยไหมให้ประคบเย็นบริเวณที่ทำ 3 วัน เพื่อลดความบวม หรือระบม
• หลังเข้ารับบริการโปรแกรมร้อยไหมควรงดการออกกำลังกาย 2 สัปดาห์
• หลังเข้ารับบริการโปรแกรมร้อยไหมควรงดดื่มแอลกอฮอล์
• หลังเข้ารับบริการโปรแกรมร้อยไหมควรงดรับประทานอาการหมักดอง และอาหารรสจัด 1-2 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้หน้าบวม
• หลังเข้ารับบริการโปรแกรมร้อยไหมควรงดโดนน้ำ 2 วัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
• หลังเข้ารับบริการโปรแกรมร้อยไหมควรงดทำเลเซอร์ ทรีทเม้นท์ งดการอบซาวหน้า กด หรือนวด คลึงบริเวณใบหน้าเป็นเวลา 4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการสัมผัส
การร้อยไหมนับเป็นศาสตร์การปรับรูปหน้าขั้นสูงอีกหนึ่งชนิด เนื่องจากมีความละเอียดและต้องการความแม่นยำสูงมากๆ หากแพทย์ที่ทำการร้อยไม่มีความชำนาญ การร้อยไหมนั้นจะเกิดเป็นปม หรือรอยบุ๋มลงไปที่ผิวหน้า ซึ่งอาจจะทำให้ผู้เข้ารับบริการยิ่งเกิดความไม่มั่นใจมากขึ้น อีกทั้งโปรแกรมร้อยไหมในท้องตลาดนั้นมีอย่างหลากหลาย ทั้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีมีมาตรฐาน และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับมาตรฐาน ซึ่งอาจส่งผลเสียในอนาคตหลังจากทำการร้อยไหมได้ ดังนั้น ควรศึกษาหาข้อมูลประกอบการรักษาให้ดี เลือกสถาที่ที่บริการที่ได้มาตรฐาน และให้คำแนะนำที่ดี ในการแก้ปัญหาบนใบหน้าของผู้รับบริการได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด